Thursday, October 05, 2006

ไวรัสลงกระเพาะ : น้องมุก

อยากร่วมเล่าประสบการณ์ด้วยค่ะน้องมุกตอนนี้อยู่ อ.3 แล้ว ตอนนั้นที่ป่วยเข้าโรงพยาบาลอยู่ อ. 1เป็นไวรัสลงกระเพาะเนื่องจากน้องมุกเองเป็นคนที่กระเพาะจะไวต่อเชื้อโรคหรือสิ่งแปลกปลอมมากอาการคืออาเจียน เป็นไข้ ซึ่งตอนนั้นทางคุณพ่อคุณแม่ยังไม่ทราบว่าลูกเป็นแบบนี้เราก็พาลูกไปรักษากับคุณหมอท่านหนึ่งที่รพ.กรุงเทพฯคริสเตียนเพราะใกล้บ้านซึ่งเราไม่เคยเจอคุณหมอท่านนี้มาก่อนแต่พยาบาลจัดให้เพราะคุณหมอประจำที่เคยรักษาลาไปอยู่ต่างประเทศแล้วคืนนั้นน้องมุกอาเจียน มีไข้เราจึงรีบพาไปรพ. เจอแพทย์เวรจึงให้ admitพอรุ่งเช้าคุณหมอเด็กท่านนี้จึงแจ้งว่าจะมาเป็นเจ้าของไข้ คุณหมอให้น้ำเกลือยาฆ่าเชื้อ และยาลดไข้ตามอาการ ไม่ได้แจ้งอะไรเพิ่มเติมทางรพ.จัดอาหารมาให้น้องมุกทาน แต่ทานไม่ลงเพราะทานเข้าไปก็อาเจียนออกมาหมดอาม่าจึงต้มข้าวต้มกับหมูหยอง หมูแผ่นจากบ้านมาให้ทานเข้าไปก็อาเจียนออกมาหมดอีก จนหน้าซีด ไม่มีแรง ซึม ไข้ไม่ลดคุณหมอก็มาดูเป็นระยะ ๆ แต่อาการก็ไม่ดีขึ้นเลย รักษาอยู่โรงพยาบาลประมาณ 4 วันน้องมุกเริ่มท้องเสีย ถ่ายเป็นน้ำ ทานอาหารไม่ได้ เห็นแล้วสงสารลูกมาก ๆเราก็เริ่มโทร.ปรึกษาคนโน้นคนนี้แล้ว เพราะอาการไม่น่าไว้ใจเลยแต่คุณหมอก็ไม่ได้บอกอะไร อาม่าก็พยายามทำกับข้าวที่น้องมุกชอบมาให้ทานทุกวันน้องมุกทานก็อาเจียนออกหมด แถมยังท้องเสียจนเป็นน้ำ ร่างกายอ่อนระโหยโรยแรงจนตาคล้ำ ปากซีด ซึม เราก็เลยไปคุยกับคุณหมอว่าทำไมอาการแย่ลงทั้ง ๆที่ดูแลอย่างใกล้ชิดอย่างนี้ ไข้ก็ไม่ลดคืออยู่ที่ 38-40 ตลอดพยาบาลปลุกมาเช็ดตัวทั้งวันทั้งคืนแทบไม่ได้นอน หมอให้คำตอบว่าเมื่อวานนี้เห็นน้องมุกหยุดอาเจียน อาการไข้ดีขึ้นเลยหยุดให้ยาฆ่าเชื้อทางสายน้ำเกลือปรากฎว่าเชื้อยังไม่หมดคราวนี้เชื้อไวรัสเลยลงไปที่ลำไส้จนท้องเสียทรุดลงกว่าเดิมอีก ซ้ำร้ายภูมิคุ้มกันอ่อนแอทำให้ติดเชื้อที่ปอด ทำให้ไออีกนึกสภาพเด็กตัวเล็ก ๆ คนนึงทั้งไข้สูง ท้องเสีย ไอ อาเจียน ในเวลาเดียวกันคุณแม่ไม่เป็นอันหลับอันนอน เราเลยตัดสินใจจะย้ายรพ. เพราะไม่ไหวแล้วหมอไม่ได้ให้ข้อมูลอะไรที่กระจ่างชัดเลย และลูกยังเป็นไข้อยู่อย่างนี้พอดีสามีปรึกษากับเพื่อนซึ่งลูกเคยเป็นไวรัสลงกระเพาะเหมือนกันเขาแนะนำว่าอย่าพึ่งให้เด็กทานมาก ให้ทานแต่น้ำข้าวต้มกับซีอิ๊ว หรือโจ๊กเหลว ๆเพราะร่างกายต้องการขับเชื้อโรคออกอย่าพึ่งเพิ่มภาระในการย่อยเพราะตอนนี้กระเพาะไม่ปกติยิ่งทานก็ยิ่งกระตุ้นเชื้อโรคเราเลยลองทำตามวิธีของเพื่อนดูคือจากที่อาม่าเคยทำอาหารของชอบหมูเห็ดเป็ดไก่ของบำรุงทั้งหลายงดหมด ให้ทานแต่น้ำข้าวต้มกับซีอิ๊ว ปรากฎว่าอาการดีขึ้นเรื่อยๆ อย่างไม่น่าเชื่อ อาการท้องเสียก็เริ่มหายไป อาการดีขึ้นจนกลับบ้านได้น้องมุกนอนรพ.นี้ไปเกือบสองอาทิตย์โดยที่หมอไม่ได้แนะนำหรือกำกับเรื่องอาหารคนไข้เลยเราก็ไม่ทราบก็ปล่อยให้เขาทานเพราะเห็นเขาอาเจียนไม่มีอาหารตกถึงท้องซึ่งหลังจากนั้นเราก็เลิกไปหาหมอรพ.นี้เลยต่อมาน้องมุกก็เป็นไวรัสลงกระเพาะอีกอาการเหมือนครั้งก่อนเราจึงรีบพาไปรพ.บำรุงราษฎร์ปรากฎคุณหมอซักอาการอย่างละเอียดปั๊บก็สั่งเลยว่าอย่าพึ่งให้ทานอาหารปกติให้ทานข้าวต้มน้ำ ๆ กับซีอิ๊วหรือเกลือเพื่อไม่ให้ร่างกายขาดอาหาร งดนม ผักเนื้อสัตว์ชั่วคราว เพราะจะยิ่งไปกระตุ้นเชื้อและทำให้กระเพาะทำงานหนักและให้ระวังเรื่องความสะอาดของอาหารและน้ำดื่มให้มากเพราะถ้าติดเชื้อลามไปถึงลำไส้จะมีอาการท้องเสียตามมาและคุณหมอให้ยาฆ่าเชื้อมาทานที่บ้าน ยาแก้อาเจียนให้ทานกรณีจำเป็นจริง ๆและสั่งยาให้เท่าที่จำเป็น ซึ่งเราก็กลับมาปฏิบัติตามคำแนะนำอย่างเคร่งครัดเพราะกลัวมาก ๆ กับประสบการณ์ครั้งก่อน ปรากฎว่าผ่านไปแค่ 3วันอาการดีขึ้นจนไปโรงเรียนได้ตามปกติซึ่งแสดงให้เห็นถึงประสบการณ์และความเอาใจใส่ในตัวคนไข้ของคุณหมออย่างเห็นได้ชัดจริงๆ จึงอยากเล่าแบ่งปันประสบการณ์ค่ะไม่ได้บอกว่าตัวโรงพยาบาลไม่ดีแต่เป็นที่ตัวของหมอบางคน หมอคนอื่นอาจจะดีก็ได้ไม่ได้เหมาว่าไม่ดีทั้งหมด อยากจะบอกว่าเลือกคุณหมอที่รักษาลูกเราให้ดี ๆ นะคะซักให้ละเอียดค่ะ ไม่ต้องไปเกรงใจเพราะเขาต้องให้ข้อมูลที่ชัดเจนกับเราเป็นสิ่งที่ถูกต้องแล้วค่ะแม่น้องมุก

No comments: