Teacher & Student
คุณครูทอมป์สันโกหกนักเรียนชั้น ป.5 ของครูทั้งชั้นซะแล้ว ตั้งแต่วันแรกเลยด้วย
คุณครูบอกเขาว่าครูรักเด็กๆ เท่ากันหมดเลย แต่นั่นก็เป็นไปไม่ได้
เพราะว่ามีเด็กตัวเล็กๆ ท่าทางขี้เกียจคนนึง ชื่อ เท็ดดี้ สต๊อดดารด์ ครูทอมป์สันได้จับตาดูเท็ดดี้มาปีนึงและ
สังเกตว่าเขาไม่ค่อยเล่นดีๆ กับเด็กคนอื่นเท่าไหร่ ว่าเสื้อผ้าของเขาสกปรกและเค้าตัวเหม็นหึ่งอยู่ตลอดเวลาด้วยแหละ
และบางทีเท็ดดี้ก็เกเรด้วย ถึงขั้นที่ว่าครูทอมป์สันสนุกกับการตรวจงานของเท็ดดี้ ด้วยหมึกสีแดง กากบาทไปหนาๆ และใส่ตัว F ตัวใหญ่ๆ ลงไปบนหัวกระดาษ
ที่โรงเรียนที่คุณครูทอมป์สันสอน คุณครูต้องทบทวนประวัติของเด็กแต่ละคนด้วย และครูก็ไม่ยอมตรวจประวัติของเท็ดดี้จนกระทั่งเหลือแฟ้มสุดท้าย
แต่เมื่อคุณครูตรวจแฟ้มเข้า ครูทอมป์สันก็แปลกใจใหญ่เลยครับ เมื่อพบว่าครูชั้น ป.1 ของเท็ดดี้วิจารณ์มาว่า
"น้องเท็ดดี้เป็นเด็กที่ฉลาดและร่าเริง ทำงานเรียบร้อย มารยาทดี เป็นเด็กที่น่ารักมากทีเดียว"
คุณครูที่สอนเท็ดดี้ตอน ป.2 เขียนว่า "เท็ดดี้เป็นเด็กที่เรียนเก่งมาก เพื่อนๆ ชอบกันทุกคน แต่กำลังมีปัญหา เพราะแม่ของเท็ดกำลังป่วยหนักและชีวิตทางบ้านต้องลำบากมากแน่ๆ"
คุณครูที่สอนเท็ดดี้ตอน ป.3 เขียนว่า "เขาเสียใจมากที่เสียแม่ไป เขาพยายามเต็มที่แล้ว แต่คุณพ่อก็ไม่ค่อยให้ความรัก ความสนใจเขาเท่าไหร่
และชีวิตที่บ้านเขาต้องส่งผลกระทบต่อเขาแน่ๆ ถ้าไม่มีคนยื่นมือเข้ามาช่วยเหลือ"
คุณครูที่สอนเท็ดดี้ตอน ป.4 เขียนว่า "เท็ดดี้ไม่ยอมเข้าสังคมและไม่ค่อยสนใจการเรียนเท่าที่ควรไม่ค่อยมีเพื่อน และหลับในห้องเรียน
ตอนนี้ คุณครูทอมป์สันรู้ถึงปัญหาแล้ว และอับอายในการกระทำของตนเองมาก ครูรู้สึกแย่ยิ่งกว่าเดิมอีกเมื่อนักเรียนในห้องซื้อของขวัญวันคริสต์มาสมาให้
ห่อในกระดาษสีสดๆ พร้อมผูกโบว์อย่างดี ยกเว้นแต่ของเท็ดดี้
ของขวัญของเท็ดดี้ถูกห่ออย่างหยาบๆ ในกระดาษลูกฟูกหนาๆ ที่ได้มาจากถุงใส่กับข้าว
ครูทอมป์สันกัดฟันเปิดกล่องของเท็ดดี้ดู ท่ามกลางกองของขวัญอื่น ๆ
เด็กบางคนเริ่มหัวเราะเมื่อเห็นว่าเท็ดดี้ให้กำไลลูกปัดที่ไม่ครบเส้น และขวดน้ำหอมที่เหลือน้ำอยู่ก้นขวดแก่เธอ
แต่ครูก็หยุดเสียงหัวเราะของเด็ก ๆ เมื่อครูเอ่ยขึ้นว่ากำไลเส้นนั้นสวยเพียงใดสวมมันไว้ที่ข้อมือ และฉีดน้ำหอมไปบนข้อมือด้วย
เท็ดดี้ สต๊อดดารด์ ยืนอยู่ให้นานพอที่จะพูดว่า "ครูทอมป์สันครับ วันนี้ครูตัวหอมเหมือนที่แม่ผมเคยหอมเลยครับ"
หลังจากที่นักเรียนทุกคนกลับบ้าน ครูทอมป์สันก็ร้องไห้อย่างนั้นเป็นชั่วโมง
วันนั้นเอง คุณครูเลิกสอนหนังสือ เลิกสอนการเขียน และเลิกสอนเลขคณิต คุณครูเริ่มสอนเด็กๆ แทน
คุณครูทอมป์สันเอาใจใส่เท็ดดี้เป็นพิเศษ เมื่อครูพยายามช่วยเขา จิตใจของเขาก็กลับมามีชีวิตชีวาอีกครั้ง
ยิ่งครูให้กำลังใจเท็ดดี้เท่าไหร่ เขาก็ยิ่งตอบรับเร็วขึ้นเท่านั้น
ภายในสิ้นปีนั้น เท็ดดี้ได้กลายเป็นเด็กที่ฉลาดที่สุดในห้อง และแม้ว่าคุณครูจะบอกว่าครูรักเด็กทุกคนเท่ากัน เท็ดดี้ก็ได้กลายไปเป็น"ศิษย์โปรด" ของครู
หนึ่งปีต่อมา คุณครูพบจดหมายอยู่ใต้ประตู จดหมายนั้นมาจากเท็ดดี้ บอกครูว่าคุณครูยังเป็นครูที่ดีที่สุดที่เขาเคยมี
หกปีต่อมาครูก็ได้จดหมายจากเท็ดดี้อีก บอกว่าเขาเรียนจบ ม.ปลายแล้ว ได้ที่สามในทั้งระดับ และคุณครูยังคงเป็นครูที่ดีที่สุดที่เขาเคยเจอมาในชีวิต
สี่ปีหลังจากนั้น คุณครูก็ได้จดหมายอีก บอกว่าแม้ว่าชีวิตเขาจะลำบากบ้าง เขาก็ไม่ได้เลิกเรียนหนังสือ และจะจบปริญญาตรีในเร็วๆ นี้ด้วยเกียรตินิยมอันดับหนึ่ง(เหรียญทอง)
และยังย้ำกับครูทอมป์สันว่า คุณครูเป็นครูที่ดีที่สุดและเป็นครูคนโปรดในชีวิตเขา
จากนั้นสี่ปีผ่านไปแต่จดหมายอีกฉบับหนึ่งก็มา ครั้งนี้เขาอธิบายว่าหลังจากที่เขาได้รับปริญญาตรีแล้ว เขาตัดสินใจที่จะเรียนต่ออีกนิด
จดหมายนั้นอธิบายว่าคุณครูยังเป็นครูคนที่ดีที่สุดที่เขาเคยมี แต่ตอนนี้ชื่อของเขายาวขึ้นอีกหน่อย จดหมายนั้นลงชื่อว่า นพ. ทีโอดอร์ เอฟ สต๊อดดารด์
เรื่องยังไม่จบแค่นี้นะ คือว่า ฤดูใบไม้ผลินั้นก็ยังมีจดหมายมาอีก เท็ดดี้บอกว่า เขาได้เจอสาวคนนึงและก็จะแต่งงานกัน
เขาอธิบายว่าพ่อของเขาได้เสียไปเมื่อสองสามปีก่อนและเขาสงสัยว่าคุณครูทอมป์สัน จะตกลงมานั่งในที่นั่งสำหรับพ่อเจ้าบ่าวในงานแต่งงานหรือไม่
แน่นอนที่สุด ครูทอมป์สันก็มา และทายสิว่าเกิดอะไรขึ้น คุณครูใส่กำไลข้อมือเส้นนั้น เส้นที่มีลูกปัดหายไปหลายลูก
และต้องฉีดน้ำหอมที่เท็ดดี้จำได้ว่าแม่เขาฉีดตอนที่ฉลองเทศกาลคริสต์มาสครั้งสุดท้ายด้วยกัน
ครูกับศิษย์กอดกันกลมเลย และคุณหมอเท็ดก็กระซิบในหูคุณครูทอมป์สันว่า
"ขอบคุณมากนะครับคุณครูที่เชื่อในตัวผม ขอบคุณมากที่ทำให้ผมรู้สึกสำคัญและแสดงให้ผมเห็นว่าผมสามารถที่จะเปลี่ยนแปลง สิ่งต่างๆ ได้"
ครูทอมป์สันกระซิบตอบพร้อมน้ำตานองหน้าว่า "หมอเท็ด เธอเข้าใจผิดแล้วแหละ เธอต่างหากที่สอนครูว่า ครูสามารถเปลี่ยนแปลงสิ่งต่างๆ ได้
ครูไม่รู้จักการสอนจนกระทั่งครูได้พบ ได้รู้จักเธอนั่นแหละ"
เติมเต็มหัวใจของคนอื่นด้วยความรักเสียแต่วันนี้...........
ส่งต่อเรื่องนี้ไปให้คนอื่นได้อ่านด้วยและโปรดจำว่า ไม่ว่าคุณจะไปไหน
หรือทำอะไร คุณจะมีโอกาสที่จะสัมผัสและ/หรือเปลี่ยนอนาคตของคนอื่นเสมอ
ขอให้คุณสัมผัสและเปลี่ยนอนาคตของคนอื่นในทางทีดีด้วยล่ะ
Thursday, February 22, 2007
10 อาหารอันตรายขณะท้องว่าง
> อาหารทุกชนิดก็มีประโยชน์ แตกต่างกันออกไป แต่ก็มีอาหารอีกบางชนิด
> ที่เป็นอาหารที่เมื่อทานในขณะที่ท้องไม่ว่างนั้น จะเกิดประโยชน์
> แต่ถ้าเกิดทานขณะท้องว่างรับรองว่า เกิดโทษมากกว่าประโยชน์แน่นอน
> เรามาดูกันดีกว่าค่ะว่า อาหารชนิดใดบ้างที่ห้ามรับประทานขณะ
> ท้องว่าง
>
> นมและนมถั่วเหลือง
> แม้ว่านมถั่วเหลืองจะอุดมไปด้วยโปรตีน แต่จะเกิด ประสิทธิภาพมากที่สุด
> เมื่อกระเพาะอาหารมีสารประเภทแป้งอยู่
>
> เหล้า
> หากดื่มเหล้าในขณะท้องว่าง จะไปกระตุ้นเยื่อบุกระเพาะอาหาร
> ทำให้เป็นโรคกระเพาะอาหารอักเสบ และเป็นแผลในกระเพาะอาหาร
> ได้
>
> น้ำตาลหรืออาหารหวาน
> ไม่ควรรับประทานอาหารหวานหรือน้ำตาล เช่น น้ำอัดลม ลูกอม ช็อกโกแลต
> เพราะหากรับประทานขณะท้องว่าง
> จะทำให้โปรตีนรวมตัวกับน้ำตาลส่ง ผลต่อการ ดูดซึมโปรตีนทุกชนิด
> และลดสมรรถภาพการทำงานของระบบหมุนเวียนเลือดและไต
>
> ชาที่แก่เกินไป
> ชาทำให้กรดเกลือในน้ำย่อยในกระเพาะอาหารเจือจาง
> ส่งผลให้การทำงานของระบบย่อยอาหารลดลง และเกิดอาการใจสั่น เวียน
> ศีรษะ
> มือเท้าไม่มีแรง จิตใจไม่สงบ
>
> ลูกพลับ
> ไม่ควรรับประทานลูกพลับในขณะที่ท้องว่าง เพราะกระเพาะอาหารจะหลั่ง
> กรดเกลือออกมามาก หากไปรวมตัวกับยาง และสารแขวน
> ลอยในลูกพลับแล้ว จะทำให้เจ็บหน้าอก คลื่นไส้ และเป็นแผลในกระเพาะอาหาร
>
> กล้วย
> เพราะกล้วยอุดมไปด้วยธาตุแมกนีเซียม การรับประทานกล้วยขณะท้องว่าง
> จะทำให้ปริมาณธาตุแมกนีเซียมในเลือดสูงขึ้น ทำให้สูญเสียสัด
> ส่วนของแคลเซียมและแมกนีเซียมไป เป็น การยับยั้งการทำงานของหลอดเลือดหัวใจ
> เป็นอันตรายต่อสุขภาพอย่างยิ่ง
>
> กระเทียม
> เพราะจะทำให้เยื่อบุกระเพาะอาหารได้รับการกระตุ้น เกิดโรค
> กระเพาะอาหารอักเสบอย่างรุนแรง ผัก การรับประทานผักอย่างเดียว
> ขณะท้องว่าง จะทำให้กระเพาะอาหารเกิดอาการผิดปกติ
>
> นอกจากนั้นยังไม่ควรอาบน้ำหลังออกกำลังกาย ด้วยเช่นกัน เพราะการอาบน้ำและ
> การออกกำลังกายภายในขณะที่ท้องว่าง จะทำให้เกิด
> อาการช็อก เนื่องจากน้ำตาลในเลือดต่ำได้ง่าย
>
> ดังนั้น เราก็ควรรับประทานอาหารให้ครบทั้ง 3 มื้อ
> และเลือกทานอาหารที่มีประโยชน์กับร่างกายของเราดีกว่านะ
> ที่เป็นอาหารที่เมื่อทานในขณะที่ท้องไม่ว่างนั้น จะเกิดประโยชน์
> แต่ถ้าเกิดทานขณะท้องว่างรับรองว่า เกิดโทษมากกว่าประโยชน์แน่นอน
> เรามาดูกันดีกว่าค่ะว่า อาหารชนิดใดบ้างที่ห้ามรับประทานขณะ
> ท้องว่าง
>
> นมและนมถั่วเหลือง
> แม้ว่านมถั่วเหลืองจะอุดมไปด้วยโปรตีน แต่จะเกิด ประสิทธิภาพมากที่สุด
> เมื่อกระเพาะอาหารมีสารประเภทแป้งอยู่
>
> เหล้า
> หากดื่มเหล้าในขณะท้องว่าง จะไปกระตุ้นเยื่อบุกระเพาะอาหาร
> ทำให้เป็นโรคกระเพาะอาหารอักเสบ และเป็นแผลในกระเพาะอาหาร
> ได้
>
> น้ำตาลหรืออาหารหวาน
> ไม่ควรรับประทานอาหารหวานหรือน้ำตาล เช่น น้ำอัดลม ลูกอม ช็อกโกแลต
> เพราะหากรับประทานขณะท้องว่าง
> จะทำให้โปรตีนรวมตัวกับน้ำตาลส่ง ผลต่อการ ดูดซึมโปรตีนทุกชนิด
> และลดสมรรถภาพการทำงานของระบบหมุนเวียนเลือดและไต
>
> ชาที่แก่เกินไป
> ชาทำให้กรดเกลือในน้ำย่อยในกระเพาะอาหารเจือจาง
> ส่งผลให้การทำงานของระบบย่อยอาหารลดลง และเกิดอาการใจสั่น เวียน
> ศีรษะ
> มือเท้าไม่มีแรง จิตใจไม่สงบ
>
> ลูกพลับ
> ไม่ควรรับประทานลูกพลับในขณะที่ท้องว่าง เพราะกระเพาะอาหารจะหลั่ง
> กรดเกลือออกมามาก หากไปรวมตัวกับยาง และสารแขวน
> ลอยในลูกพลับแล้ว จะทำให้เจ็บหน้าอก คลื่นไส้ และเป็นแผลในกระเพาะอาหาร
>
> กล้วย
> เพราะกล้วยอุดมไปด้วยธาตุแมกนีเซียม การรับประทานกล้วยขณะท้องว่าง
> จะทำให้ปริมาณธาตุแมกนีเซียมในเลือดสูงขึ้น ทำให้สูญเสียสัด
> ส่วนของแคลเซียมและแมกนีเซียมไป เป็น การยับยั้งการทำงานของหลอดเลือดหัวใจ
> เป็นอันตรายต่อสุขภาพอย่างยิ่ง
>
> กระเทียม
> เพราะจะทำให้เยื่อบุกระเพาะอาหารได้รับการกระตุ้น เกิดโรค
> กระเพาะอาหารอักเสบอย่างรุนแรง ผัก การรับประทานผักอย่างเดียว
> ขณะท้องว่าง จะทำให้กระเพาะอาหารเกิดอาการผิดปกติ
>
> นอกจากนั้นยังไม่ควรอาบน้ำหลังออกกำลังกาย ด้วยเช่นกัน เพราะการอาบน้ำและ
> การออกกำลังกายภายในขณะที่ท้องว่าง จะทำให้เกิด
> อาการช็อก เนื่องจากน้ำตาลในเลือดต่ำได้ง่าย
>
> ดังนั้น เราก็ควรรับประทานอาหารให้ครบทั้ง 3 มื้อ
> และเลือกทานอาหารที่มีประโยชน์กับร่างกายของเราดีกว่านะ
Tuesday, February 20, 2007
ต้องการชุดนักเรียนมือสองจำนวนมาก
Subject: ชุดนักเรียนมือสอง
อาจารย์บ้านนอก.คอม ขอรับการแบ่งปันน้ำใจจากทุกท่าน ระดมชุดนักเรียนมือสอง 1,000 ชุด ลองช่วยกันเปิดตู้เสื้อผ้าที่บ้านดูว่า มีชุดนักเรียนที่ไม่ใส่แล้ว ถูกพับเก็บไว้บ้างหรือไม่
ไม่ต้องลังเลใจ หากมันจะเปื้อน หรือออกสีเหลืองนิดๆ เพียงแค่ไม่ให้มีกลิ่น พับใส่กล่องพัสดุ ส่งไปบริจาคให้กับเด็กในชนบท เพราะทุกเปิดเทอม เด็กบางคนไม่ได้ไปโรงเรียน เพียงแค่พ่อแม่ไม่มีเงิน สำหรับเป็นค่าใช้จ่ายอุปกรณ์การเรียนการสอนพื้นฐานเหล่านี้ ชุดนักเรียนชายหรือ หญิง โดยเฉพาะช ุดลูกเสือ เนตรนารี ( ไม่มีปัญหาเรื่องชื่อรร.ที่ปักอยู่)
รองเท้า เข็มขัด หมวก ผ้าพันคอ เชือกลูกเสือ ล้วนเป็นประโยชน์ต่อเด็กในชนบท โดยส่งมาได้ที่ กลุ่มศิลปวัฒนธรรมกระจกเงา 106 ม. 1 ต.แม่ยาว อ.เมือง จ.เชียงราย 57100
( กรุณาเขียนติดที่กล่องด้วยว่าชุดนักเรียนบริจาค และพร้อมชื่อที่ติดต่อของผู้ส่ง ถ้ามี email ด้วยจะดีมากครับ)
รบกวนส่ง email ฉบับนี้ถึงเพื่อนของคุณ ที่จะอาจจะมีส่วนร่วมในโครงการนี้ได้ หรือสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่
สมบัติ บุญงามอนง
superbuff@bannok.com
อาจารย์บ้านนอก.คอม ขอรับการแบ่งปันน้ำใจจากทุกท่าน ระดมชุดนักเรียนมือสอง 1,000 ชุด ลองช่วยกันเปิดตู้เสื้อผ้าที่บ้านดูว่า มีชุดนักเรียนที่ไม่ใส่แล้ว ถูกพับเก็บไว้บ้างหรือไม่
ไม่ต้องลังเลใจ หากมันจะเปื้อน หรือออกสีเหลืองนิดๆ เพียงแค่ไม่ให้มีกลิ่น พับใส่กล่องพัสดุ ส่งไปบริจาคให้กับเด็กในชนบท เพราะทุกเปิดเทอม เด็กบางคนไม่ได้ไปโรงเรียน เพียงแค่พ่อแม่ไม่มีเงิน สำหรับเป็นค่าใช้จ่ายอุปกรณ์การเรียนการสอนพื้นฐานเหล่านี้ ชุดนักเรียนชายหรือ หญิง โดยเฉพาะช ุดลูกเสือ เนตรนารี ( ไม่มีปัญหาเรื่องชื่อรร.ที่ปักอยู่)
รองเท้า เข็มขัด หมวก ผ้าพันคอ เชือกลูกเสือ ล้วนเป็นประโยชน์ต่อเด็กในชนบท โดยส่งมาได้ที่ กลุ่มศิลปวัฒนธรรมกระจกเงา 106 ม. 1 ต.แม่ยาว อ.เมือง จ.เชียงราย 57100
( กรุณาเขียนติดที่กล่องด้วยว่าชุดนักเรียนบริจาค และพร้อมชื่อที่ติดต่อของผู้ส่ง ถ้ามี email ด้วยจะดีมากครับ)
รบกวนส่ง email ฉบับนี้ถึงเพื่อนของคุณ ที่จะอาจจะมีส่วนร่วมในโครงการนี้ได้ หรือสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่
สมบัติ บุญงามอนง
superbuff@bannok.com
Monday, February 19, 2007
การค้นพบ กฎ 90/10
การค้นพบ กฎ 90/10
กฎนี้จะทำให้ชีวิตของคุณเปลี่ยนไป (อย่างน้อยที่สุดก็ในเรื่องที่คุณมีปฏิกริยาต่อสิ่งที่เกิดขึ้นทั้งหลาย)
กฎนี้ว่าอย่างไรล่ะ? ชีวิตของคุณประกอบไปด้วยสิ่งที่เกิดขึ้นกับตัวคุณแค่ 10% แต่อีก 90%ของชีวิตคุณขึ้นอยู่กับว่าคุณมีปฎิกริยาตอบสนองต่อเหตุการณ์ต่างๆอย่างไร
มันหมายความว่าอย่างไรกันล่ะ? เราไม่สามารถจะควบคุมสิ่งต่างๆ 10% ที่มันเกิดขึ้นกับเราได้
เราไม่สามารถห้ามไม่ให้รถเสียได้ เราห้ามไม่ให้เครื่องบินถึงช้ากว่าตารางที่กำหนดไม่ได้ – ซึ่งจะทำให้ตารางกำหนดการต่างๆของเรายุ่งเหยิงไปหมด เราห้ามไม่ให้คนอื่นๆ ขับรถปาดหน้ารถเราไม่ได้
สิ่งเหล่านี้ เราไม่สามารถควบคุม เจ้า 10% นี้ได้ แต่เจ้า 90% นี่สิ...มันต่างกัน คุณสามารถกำหนดเจ้า 90% ที่เหลือได้
ทำได้ยังไงกัน? ...ก็โดยที่เรามีปฎิกริยาตอบสนองต่อสิ่งต่างๆไงล่ะ
คุณไม่สามารถควบคุมไฟสัญญาณจราจรได้ แต่คุณสามารถควบคุมตัวคุณให้ตอบสนองต่อสัญญาณไฟจราจรได้ อย่าให้ใครมาหลอกคุณได้ ตัวคุณสามารถควบคุมได้ว่าตัวคุณจะแสดงปฎิกริยาออกมาอย่างไร
ลองดูตัวอย่างครับ
คุณกำลังทานอาหารเช้ากับครอบครัวอยู่ ลูกสาวบังเอิญปัดถ้วยกาแฟหกใส่เสื้อทำงานของคุณ คุณไม่สามารถควบคุมสิ่งที่ได้เกิดขึ้นไปแล้วได้
แต่สิ่งที่จะเกิดขึ้นต่อไปจะเป็นผลจากการที่ท่านแสดงปฎิกริยาออกไปอย่างไร
ท่านสถบ
ท่านดุลูกสาวอย่างเกรี้ยวกราดที่ทำกาแฟหก ลูกสาวร้องไห้ด้วยความเสียใจ หลังจากที่ได้ดุลูกไปแล้ว คุณหันไปที่ภรรยาแล้วต่อว่าที่เธอวางถ้วยกาแฟไว้ใกล้ขอบโต๊ะมากเกินไป ต่อมาก็เป็นการทุ่มเถียงกัน แล้วคุณก็รีบขึ้นไปห้องชั้นบนเพื่อเปลี่ยนเสื้อตัวใหม่ จากนั้นก็กลับลงมาชั้นล่างแล้วก็พบว่าลูกสาวยังร้องไห้ไม่เลิก ก็เลยทานอาหารเช้าไม่เสร็จ พอรถโรงเรียนมารับ เธอก็ออกไปไม่ทันรถโรงเรียนที่มารับ
ภรรยาคุณต้องรีบไปที่ทำงานแต่เช้าวันนี้ คุณเลยต้องรีบออกรถเพื่อไปส่งลูกสาวก่อน เพราะว่าออกจากบ้านสายคุณก็เลยต้องรับ คุณขับรถ 60 ก.ม. ต่อชั่วโมง ในเขตในเมืองที่ไม่ควรขับเร็วกว่า 40 ก.ม. ต่อชั่วโมง
หลังจากที่สายไป 15 นาที และเสียค่าปรับให้ตำรวจไปแล้ว ในที่สุดก็ถึงโรงเรียน ลูกสาวก็วิ่งเข้าโรงเรียนโดยที่ไม่ได้สวัสดีลา พอมาถึงที่ทำงานสายไป 20 นาที ก็นึกได้ว่าาลืมกระเป๋าเอกสารไว้ที่บ้าน การทำงานก็เริ่มต้นด้วยความขรุกขระ เวลาผ่านไป ก็ยิ่งแย่ลงเรื่อยๆ ก็ได้แต่ตั้งหน้าตั้งตารอให้ถึงเวลาเลิกงาน
เมื่อคุณกลับมาถึงบ้าน ก็พบว่าความสัมพันธ์ของคุณกับลูกสาวและภรรยามีรอยร้าวซะแล้ว
เกิดอะไรขึ้นล่ะ?...ก็เพราะสิ่งที่คุณแสดงปฎิกริยาออกไปเมื่อเช้านี้ไงล่ะ
ทำไมคุณถีงมีวันอะไรที่เฮงซวยอย่างนี้?
ก กาแฟทำให้มันเกิดขึ้นหรือเปล่า
ข ลูกสาวทำให้เป็นอย่างนี้หรือ
ค ตำรวจทำหรือไม่
ง คุณทำให้มันเป็นเองไม่ใช่หรือ
คำตอบที่ถูกต้อง คือ ข้อ ง
คุณไม่สามารถควบคุมอะไรได้กับการที่กาแฟหก แต่ว่าสิ่งที่คุณแสดงปฏิกิริยาตอบสนองภายใน 5 วินาทีต่อสิ่งที่เกิดขึ้นนั่นแหละที่ทำให้คุณเจอกับวันที่เฮงซวย
นี่เป็นสิ่งที่น่าจะเกิดขึ้น และ ควรจะเกิดขึ้น
กาแฟหกใส่คุณ ลูกสาวกำลังหน้าเบ้จะร้องไห้ คุณพูดอย่างนุ่มนวลว่า “ไม่เป็นไรจ้า คราวหน้าหนูระวังๆหน่อยนะ” คุณเอื้อมมือไปหยิบกระดาษมาเช็ดแล้ววิ่งขึ้นชั้นบนไป คุณลงมาชั้นล่างหลังจากเปลี่ยนเสื้อตัวใหม่พร้อมกับหิ้วกระเป๋าเอกสารติดมาด้วย ทันเวลาที่มองลอดหน้าต่างไป เห็นลูกกำลังจะไปขึ้นรถโรงเรียน เธอหันกลับมาโบกมือลาพร้อมสวัสดี คุณไปถึงที่ทำงานก่อนเวลา 5 นาทีแล้วมีเวลาทักทายคนโน้นคนนี้ด้วยอารมณ์ที่สดชื่น เจ้านายออกปากว่าคุณต้องมีอะไรดีแน่เลยวันนี้ถึงได้อารมณ์แจ่มใส
เห็นความแตกต่างไหมครับ?
เหตุการณ์จำลอง 2 แบบ ทั้งคู่เริ่มต้นเหมือนกัน แต่จบลงต่างกัน
ทำไมล่ะ?
เพราะสิ่งที่คุณแสดงปฎิกริยาตอบสนองออกไปไงล่ะ
คุณไม่มีทางที่จะควบคุมเจ้า 10% ของสิ่งต่างๆที่เกิดขึ้นกับตัวคุณได้ แต่อีก 90% น่ะขึ้นอยู่กับการแสดงปฎิกริยาตอบสนองของคุณออกไปยังไงล่ะ
ลองมาดูวิธีต่างๆที่จะนำกฎ 90/10 ไปใช้ ถ้าหากมีใครบางคนพูดจาที่ทำให้คุณเสียหาย ก็อย่างทำตัวเป็นฟองน้ำล่ะ (รับเอาสิ่งเหล่านั้นเข้าตัว) จงปล่อยให้มันไหลไปซะเถอะ เหมือนน้ำที่ไม่ติดอยู่บนแผ่นแก้วนั่นแหละ จงอย่าปล่อยให้คำพูดกล่าวร้ายทำให้คุณประสาทเสียซะล่ะ
ตอบสนองให้ดีแล้วสิ่งทั้งหลายจะไม่มีวันทำให้คุณเจอกับวันเฮงซวยได้ การมีปฏิกิริยาตอบสนองที่ผิดพลาด อาจทำให้เสียเพื่อน โดนไล่ออกจากงาน ประสาทเสีย และอื่นๆ
คุณมีปฎิกริยาตอบสนองอย่างไรหากมีคนขับรถปาดหน้ารถคุณ? คุณเกิดอารมณ์ฉุนเฉียวหรือเปล่า เอามือทุบพวงมาลัยพร้อมด่าแม่มันในใจใช่ไหม? เพื่อนของผมคนหนึ่งเคยทำพวงมาลัยรถหลุด... คุณสถบ ตะโกนด่าหรือไม่? เลือดของคุณสูบฉีดปรีดจนเส้นเลือดบนหน้าผากโป่งเลยหรือเปล่า? คุณพยายามหรือแกล้งขับรถไปเฉี่ยวรถคันนั้นจริงๆหรือไม่?
ใครสนล่ะ หากคุณไปทำงานสาย 10 วินาที ทำไมปล่อยให้รถเนี่ยมีบทบาทต่อการขับรถของคุณล่ะ
กรุณาจำกฎ 90/10 ให้ขึ้นใจ แล้วไม่ต้องไปสนใจมัน
ถ้าเขาแจ้งคุณว่าคุณถูกให้ออกจากงาน
ทำไมจะต้องหงุดหงิดและนอนไม่หลับด้วยล่ะ มันก็จะลงตัวเองล่ะ แทนที่จะเสียเวลาและกำลังไปกับการกังวลก็ให้ประหยัดพลังและเวลาเอาไว้ใช้หางานใหม่ไม่ดีกว่าหรือ
เครื่องบินมาถึงที่หมายช้ากว่ากำหนดการ; มันก็อาจทำให้กำหนดการทั้งวันของคุณยุ่งเหยิงไปหมด ทำไมคุณถึงไปปล่อยอารมณ์บูดใส่พนักงานต้อนรับบนเครื่องบินล่ะ พวกเขาไม่ได้เป็นคนควบคุมให้เครื่องบินมาตรงเวลาได้ซะหน่อย
ทำไมไม่ใช้เวลาทำความรู้จักกับผู้โดยสารคนอื่นๆล่ะ ทำไมจะต้องเครียดด้วย นั่นยิ่งทำให้สิ่งต่างๆแย่ลงไปกว่าเดิมอีก
ตอนนี้ พวกคุณรู้เรื่อง กฎ 90/10 แล้ว นำกฎนี้ไปใช้แล้วคุณจะปลาดใจกับสิ่งดีๆที่ได้รับ
ท่านจะไม่เสียอะไรเลย ถ้าท่านลองใช้กฎนี้ กฎ 90/10 นี่ยอดเยี่ยมากเลย มีคนจำนวนไม่มากที่รู้จักและนำกฎนี้ไปใช้
ผลล่ะเป็นอย่างไร?
คนหลายล้านที่มีปัญหาจากความเครียด การฟ้องร้อง ปัญหาต่างๆ และเรื่องกวนใจ เราทั้งหมดต้องเข้าใจและนำกฎ 90/10 ไปใช้
กฎนี้สามารถทำให้ชีวิตของคุณเปลี่ยนไปได้
ขอให้สนุกครับ........
ผู้เขียน : Stephen Covey
กฎนี้จะทำให้ชีวิตของคุณเปลี่ยนไป (อย่างน้อยที่สุดก็ในเรื่องที่คุณมีปฏิกริยาต่อสิ่งที่เกิดขึ้นทั้งหลาย)
กฎนี้ว่าอย่างไรล่ะ? ชีวิตของคุณประกอบไปด้วยสิ่งที่เกิดขึ้นกับตัวคุณแค่ 10% แต่อีก 90%ของชีวิตคุณขึ้นอยู่กับว่าคุณมีปฎิกริยาตอบสนองต่อเหตุการณ์ต่างๆอย่างไร
มันหมายความว่าอย่างไรกันล่ะ? เราไม่สามารถจะควบคุมสิ่งต่างๆ 10% ที่มันเกิดขึ้นกับเราได้
เราไม่สามารถห้ามไม่ให้รถเสียได้ เราห้ามไม่ให้เครื่องบินถึงช้ากว่าตารางที่กำหนดไม่ได้ – ซึ่งจะทำให้ตารางกำหนดการต่างๆของเรายุ่งเหยิงไปหมด เราห้ามไม่ให้คนอื่นๆ ขับรถปาดหน้ารถเราไม่ได้
สิ่งเหล่านี้ เราไม่สามารถควบคุม เจ้า 10% นี้ได้ แต่เจ้า 90% นี่สิ...มันต่างกัน คุณสามารถกำหนดเจ้า 90% ที่เหลือได้
ทำได้ยังไงกัน? ...ก็โดยที่เรามีปฎิกริยาตอบสนองต่อสิ่งต่างๆไงล่ะ
คุณไม่สามารถควบคุมไฟสัญญาณจราจรได้ แต่คุณสามารถควบคุมตัวคุณให้ตอบสนองต่อสัญญาณไฟจราจรได้ อย่าให้ใครมาหลอกคุณได้ ตัวคุณสามารถควบคุมได้ว่าตัวคุณจะแสดงปฎิกริยาออกมาอย่างไร
ลองดูตัวอย่างครับ
คุณกำลังทานอาหารเช้ากับครอบครัวอยู่ ลูกสาวบังเอิญปัดถ้วยกาแฟหกใส่เสื้อทำงานของคุณ คุณไม่สามารถควบคุมสิ่งที่ได้เกิดขึ้นไปแล้วได้
แต่สิ่งที่จะเกิดขึ้นต่อไปจะเป็นผลจากการที่ท่านแสดงปฎิกริยาออกไปอย่างไร
ท่านสถบ
ท่านดุลูกสาวอย่างเกรี้ยวกราดที่ทำกาแฟหก ลูกสาวร้องไห้ด้วยความเสียใจ หลังจากที่ได้ดุลูกไปแล้ว คุณหันไปที่ภรรยาแล้วต่อว่าที่เธอวางถ้วยกาแฟไว้ใกล้ขอบโต๊ะมากเกินไป ต่อมาก็เป็นการทุ่มเถียงกัน แล้วคุณก็รีบขึ้นไปห้องชั้นบนเพื่อเปลี่ยนเสื้อตัวใหม่ จากนั้นก็กลับลงมาชั้นล่างแล้วก็พบว่าลูกสาวยังร้องไห้ไม่เลิก ก็เลยทานอาหารเช้าไม่เสร็จ พอรถโรงเรียนมารับ เธอก็ออกไปไม่ทันรถโรงเรียนที่มารับ
ภรรยาคุณต้องรีบไปที่ทำงานแต่เช้าวันนี้ คุณเลยต้องรีบออกรถเพื่อไปส่งลูกสาวก่อน เพราะว่าออกจากบ้านสายคุณก็เลยต้องรับ คุณขับรถ 60 ก.ม. ต่อชั่วโมง ในเขตในเมืองที่ไม่ควรขับเร็วกว่า 40 ก.ม. ต่อชั่วโมง
หลังจากที่สายไป 15 นาที และเสียค่าปรับให้ตำรวจไปแล้ว ในที่สุดก็ถึงโรงเรียน ลูกสาวก็วิ่งเข้าโรงเรียนโดยที่ไม่ได้สวัสดีลา พอมาถึงที่ทำงานสายไป 20 นาที ก็นึกได้ว่าาลืมกระเป๋าเอกสารไว้ที่บ้าน การทำงานก็เริ่มต้นด้วยความขรุกขระ เวลาผ่านไป ก็ยิ่งแย่ลงเรื่อยๆ ก็ได้แต่ตั้งหน้าตั้งตารอให้ถึงเวลาเลิกงาน
เมื่อคุณกลับมาถึงบ้าน ก็พบว่าความสัมพันธ์ของคุณกับลูกสาวและภรรยามีรอยร้าวซะแล้ว
เกิดอะไรขึ้นล่ะ?...ก็เพราะสิ่งที่คุณแสดงปฎิกริยาออกไปเมื่อเช้านี้ไงล่ะ
ทำไมคุณถีงมีวันอะไรที่เฮงซวยอย่างนี้?
ก กาแฟทำให้มันเกิดขึ้นหรือเปล่า
ข ลูกสาวทำให้เป็นอย่างนี้หรือ
ค ตำรวจทำหรือไม่
ง คุณทำให้มันเป็นเองไม่ใช่หรือ
คำตอบที่ถูกต้อง คือ ข้อ ง
คุณไม่สามารถควบคุมอะไรได้กับการที่กาแฟหก แต่ว่าสิ่งที่คุณแสดงปฏิกิริยาตอบสนองภายใน 5 วินาทีต่อสิ่งที่เกิดขึ้นนั่นแหละที่ทำให้คุณเจอกับวันที่เฮงซวย
นี่เป็นสิ่งที่น่าจะเกิดขึ้น และ ควรจะเกิดขึ้น
กาแฟหกใส่คุณ ลูกสาวกำลังหน้าเบ้จะร้องไห้ คุณพูดอย่างนุ่มนวลว่า “ไม่เป็นไรจ้า คราวหน้าหนูระวังๆหน่อยนะ” คุณเอื้อมมือไปหยิบกระดาษมาเช็ดแล้ววิ่งขึ้นชั้นบนไป คุณลงมาชั้นล่างหลังจากเปลี่ยนเสื้อตัวใหม่พร้อมกับหิ้วกระเป๋าเอกสารติดมาด้วย ทันเวลาที่มองลอดหน้าต่างไป เห็นลูกกำลังจะไปขึ้นรถโรงเรียน เธอหันกลับมาโบกมือลาพร้อมสวัสดี คุณไปถึงที่ทำงานก่อนเวลา 5 นาทีแล้วมีเวลาทักทายคนโน้นคนนี้ด้วยอารมณ์ที่สดชื่น เจ้านายออกปากว่าคุณต้องมีอะไรดีแน่เลยวันนี้ถึงได้อารมณ์แจ่มใส
เห็นความแตกต่างไหมครับ?
เหตุการณ์จำลอง 2 แบบ ทั้งคู่เริ่มต้นเหมือนกัน แต่จบลงต่างกัน
ทำไมล่ะ?
เพราะสิ่งที่คุณแสดงปฎิกริยาตอบสนองออกไปไงล่ะ
คุณไม่มีทางที่จะควบคุมเจ้า 10% ของสิ่งต่างๆที่เกิดขึ้นกับตัวคุณได้ แต่อีก 90% น่ะขึ้นอยู่กับการแสดงปฎิกริยาตอบสนองของคุณออกไปยังไงล่ะ
ลองมาดูวิธีต่างๆที่จะนำกฎ 90/10 ไปใช้ ถ้าหากมีใครบางคนพูดจาที่ทำให้คุณเสียหาย ก็อย่างทำตัวเป็นฟองน้ำล่ะ (รับเอาสิ่งเหล่านั้นเข้าตัว) จงปล่อยให้มันไหลไปซะเถอะ เหมือนน้ำที่ไม่ติดอยู่บนแผ่นแก้วนั่นแหละ จงอย่าปล่อยให้คำพูดกล่าวร้ายทำให้คุณประสาทเสียซะล่ะ
ตอบสนองให้ดีแล้วสิ่งทั้งหลายจะไม่มีวันทำให้คุณเจอกับวันเฮงซวยได้ การมีปฏิกิริยาตอบสนองที่ผิดพลาด อาจทำให้เสียเพื่อน โดนไล่ออกจากงาน ประสาทเสีย และอื่นๆ
คุณมีปฎิกริยาตอบสนองอย่างไรหากมีคนขับรถปาดหน้ารถคุณ? คุณเกิดอารมณ์ฉุนเฉียวหรือเปล่า เอามือทุบพวงมาลัยพร้อมด่าแม่มันในใจใช่ไหม? เพื่อนของผมคนหนึ่งเคยทำพวงมาลัยรถหลุด... คุณสถบ ตะโกนด่าหรือไม่? เลือดของคุณสูบฉีดปรีดจนเส้นเลือดบนหน้าผากโป่งเลยหรือเปล่า? คุณพยายามหรือแกล้งขับรถไปเฉี่ยวรถคันนั้นจริงๆหรือไม่?
ใครสนล่ะ หากคุณไปทำงานสาย 10 วินาที ทำไมปล่อยให้รถเนี่ยมีบทบาทต่อการขับรถของคุณล่ะ
กรุณาจำกฎ 90/10 ให้ขึ้นใจ แล้วไม่ต้องไปสนใจมัน
ถ้าเขาแจ้งคุณว่าคุณถูกให้ออกจากงาน
ทำไมจะต้องหงุดหงิดและนอนไม่หลับด้วยล่ะ มันก็จะลงตัวเองล่ะ แทนที่จะเสียเวลาและกำลังไปกับการกังวลก็ให้ประหยัดพลังและเวลาเอาไว้ใช้หางานใหม่ไม่ดีกว่าหรือ
เครื่องบินมาถึงที่หมายช้ากว่ากำหนดการ; มันก็อาจทำให้กำหนดการทั้งวันของคุณยุ่งเหยิงไปหมด ทำไมคุณถึงไปปล่อยอารมณ์บูดใส่พนักงานต้อนรับบนเครื่องบินล่ะ พวกเขาไม่ได้เป็นคนควบคุมให้เครื่องบินมาตรงเวลาได้ซะหน่อย
ทำไมไม่ใช้เวลาทำความรู้จักกับผู้โดยสารคนอื่นๆล่ะ ทำไมจะต้องเครียดด้วย นั่นยิ่งทำให้สิ่งต่างๆแย่ลงไปกว่าเดิมอีก
ตอนนี้ พวกคุณรู้เรื่อง กฎ 90/10 แล้ว นำกฎนี้ไปใช้แล้วคุณจะปลาดใจกับสิ่งดีๆที่ได้รับ
ท่านจะไม่เสียอะไรเลย ถ้าท่านลองใช้กฎนี้ กฎ 90/10 นี่ยอดเยี่ยมากเลย มีคนจำนวนไม่มากที่รู้จักและนำกฎนี้ไปใช้
ผลล่ะเป็นอย่างไร?
คนหลายล้านที่มีปัญหาจากความเครียด การฟ้องร้อง ปัญหาต่างๆ และเรื่องกวนใจ เราทั้งหมดต้องเข้าใจและนำกฎ 90/10 ไปใช้
กฎนี้สามารถทำให้ชีวิตของคุณเปลี่ยนไปได้
ขอให้สนุกครับ........
ผู้เขียน : Stephen Covey
โภชนาการชำรุด
สัญญาณเตือนเมื่อโภชนาการชำรุด ร่างกายของคุณเกิดมีปฏิกิริยาตอบกลับมาเป็นผดผื่น คัน ผิวหนังลอกเป็นขุยแล้วล่ะก็ แสดงว่าคุณกำลังทานอาหารไม่ถูกต้องอยู่นะคะ วันนี้เราจึงนำ สัญญาณ 10 ประการที่ร่างกายคุณฟ้องว่าคุณทานอาหารไม่เหมาะสมมาฝากกัน1. ผิวหนังมีปัญหา เช่น มีอาการคัน หรือลอกเป็นขุย แม้จะไม่ใช่ช่วงหน้าหนาว อาการเช่นนี้อาจเป็นลักษณะของการ ขาดวิตามิน A ผักและผลไม้ ที่มีสีเหลือง สีส้ม หรือสีเขียวเข้ม ล้วนแต่อุดมไปด้วยวิตามิน A เพียงพอที่จะทำให้ผิวคุณเป็นปกติ ไม่ควรทานวิตามิน A เสริมที่อยู่ในรูปแบบเม็ด เพราะการได้รับโดยตรงเช่นนี้มากเกินไปจะเป็นอันตรายได้2. ผมไม่เงางาม ในกรณีที่รุนแรง ผมของคุณจะไม่สามารถจัดทรงได้เลย เป็นผลมาจากการ ขาดโปรตีนและธาตุเหล็ก โดยเฉพาะกลุ่มคนที่เป็นมังสวิรัติ หรือคนที่จำกัดอาหารอย่างมาก ดังนั้นคุณจึงควรที่จะทานอาหารที่มีกากใยควบคู่ไปกับการออกกำลังกาย ส่วนคนที่เป็นมังสวิรัติ ต้องได้สารอาหารจาก พืชผัก ข้าว และ ถั่ว ในอัตราส่วนที่เหมาะสม เพื่อที่จะได้โปรตีนทดแทนโปรตีนจากเนื้อสัตว์ที่ขาดไป และเพิ่มเติมด้วยกะหล่ำดอก และผลไม้เปลือกแข็ง เช่น เกาลัด ถั่วแขก และถั่วเหลือง ซึ่งอุดมไปด้วยไบโอติน3. ท้องผูก เป็นอาการที่กำลังบอกคุณว่า คุณต้องได้สารอาหารพวก ไฟเบอร์ หรืออาหารที่มีกากใย เช่น ผักผลไม้ต่าง ๆ อย่างน้อยวันละ 25 กรัม และดื่มน้ำให้มากขึ้นด้วย4. ผายลมบ่อย ( ตด...เหม็น) แม้ว่าไฟเบอร์จะมีประโยชน์ แต่ถ้ากินมากเกินไป หรือได้รับสารอาหารประเภทนี้เร็วเกินไป เช่น กินถั่ว หรือไม้จำพวกที่มีฝัก เช่น กระถิน ทองหลาง ร่างกายของคุณจะผลิตแก๊สตามออกมามากกว่าอาหารที่ย่อยง่ายตามปกติ วิธีแก้ปัญหาคือค่อย ๆ เพิ่มสารอาหารพวกไฟเบอร์อย่างช้า ๆ ถ้าคุณเคยกินแค่เพียงวันละ 10 กรัม อย่าผลีผลามเพิ่มเป็น 25 กรัมในวันรุ่งขึ้น ในสัปดาห์แรกเพิ่มแค่เพียง 5 กรัม แล้วสัปดาห์ต่อมาค่อยเพิ่มอีก 5 กรัม5. ข้อต่อมีเสียงดังหรือปวดบริเวณข้อต่อ อย่าเพิ่งไปโทษโรคข้ออักเสบ อาจเป็นไปได้ว่าคุณกิน ปลาน้อยเกินไป กรดไขมันประเภทโอเมก้า -3 ที่พบมากในปลา เช่น ปลาแซลมอน ปลาทูน่า จะทำให้ข้อต่อของคุณเคลื่อนไหวได้สะดวกขึ้น ซึ่งจะช่วยให้กระแสโลหิตไหลเวียนดีขึ้น ลดอาการบวมและปวดบริเวณข้อต่อ6. สเปิร์มน้อยลงไปมาก ถ้าคุณกำลังพยายามที่จะมีลูก และมีปัญหาระดับของสเปิร์มต่ำกว่าปกติ อาจเป็นไปได้ว่าคุณ ขาดวิตามิน C ซึ่งเป็นตัวสำคัญในการกระตุ้นการทำงานระบบภูมิคุ้มกันของร่างกายจากการศึกษาพบว่า วิตามิน C ยังช่วยในการรักษาปริมาณและความสมบูรณ์ของตัวสเปิร์มด้วย Earl Dawson, Ph.D., ที่ University of Texas Medical Branch ที่ Galveston แนะนำว่าให้ผู้ชายดื่มน้ำส้มอย่างน้อยวันละประมาณ 1 ลิตรทุกวัน โดยบอกว่าวิตามิน C มีส่วนช่วยป้องกันสเปิร์มจากอันตรายและความเสียหายในทุกๆ ด้าน 7. หัวใจเต้นผิดปกติ หัวใจของคนเราเป็นกล้ามเนื้อที่มีการบีบตัวมากกว่า 100,000 ครั้งต่อวัน คงไม่สามารถทำงานอย่างสมบูรณ์แบบได้ตลอดเวลา แต่ถ้าอยู่ ๆ คุณรู้สึกว่าหัวใจเต้นเร็วกว่าปกติ หรือเต้น ๆ หยุด ๆ โดยไม่มีเหตุผล ถ้ามีอาการเจ็บปวด หรือหน้ามืด เวียนศีรษะด้วย ให้รีบไปพบแพทย์ทันที แต่ถ้าแพทย์พบว่าไม่มีอะไรผิดปกติ แต่หัวใจคุณก็ยังมีอาการเต้นผิดปกติในบางครั้ง คุณอาจจะ ขาดสารอาหารพวกแม็กนีเซียมหรือโปแตสเซียมสำหรับโปแตสเซียม ให้ดื่มน้ำส้มวันละ 2-3 แก้ว ช่วงอาหารเช้าให้เพิ่มกล้วยเข้าไปในส่วนหนึ่งของเมนู สำหรับแม็กนีเซียม ให้ทานอาหารว่างที่เป็นพวกเม็ดมะม่วงหิมพานต์ เมล็ดทานตะวัน หรือเมล็ดฟักทอง และผักโขม เป็นอีกตัวหนึ่งที่มีแร่ธาตุช่วยในการทำงานของหัวใจ8. ปวดเหงือก ถ้าการเจ็บปวดเกิดจากการอักเสบ ก่อให้เกิดความเจ็บปวดและปัญหาของเหงือก แสดงว่าปากของคุณกำลังต้องการ แบคทีเรียที่มีประโยชน์ ให้มาช่วยจัดการกับแบคทีเรียในปากที่มีอันตราย ให้กินโยเกิร์ตที่มีแบคทีเรียที่เราต้องการเป็นอาหารว่างในช่วงเช้าของทุกวัน9. กระดูกแตก ถ้ากระดูกคุณแตกมากกว่า 2-3 ครั้งตั้งแต่โตเป็นผู้ใหญ่ อาจเป็นไปได้ว่ากระดูกของคุณอยู่ในภาวะอ่อนแอ อาจมีสาเหตุมาจากการขาดวิตามิน D และแคลเซียม ซึ่งเป็นตัวประกอบที่สำคัญในการสร้างกระดูก ผู้ชายก็ต้องการแคลเซียมมากเหมือน ๆ ผู้หญิง เพราะผู้ชายมักจะกินเนื้อมากกว่า ซึ่งอุดมไปด้วยฟอสฟอรัส ยิ่งร่างกายได้รับฟอสฟอรัสมากเท่าไร ก็ยิ่งต้องการแคลเซียมมากขึ้นเท่านั้น อาหารที่อุดมไปด้วยแคลเซียม ได้แก่ ปลาเล็กปลาน้อย กุ้งแห้ง โยเกิร์ต นมและเนยแข็ง (ไขมันต่ำได้ก็ดี)10. ขี้ลืม อาจเป็นได้ว่าคุณขาดวิตามิน B ในการศึกษาที่ USDA Human Nutrition Research Center in Boston นักวิจัยพบว่าผู้ชายที่มีระดับของวิตามิน B 6 B 12 และ B folate สูงในเลือด จะมีความทรงจำที่ดีกว่าจากการทดสอบพบว่าสารอาหารพวกนี้ช่วยให้สมองทำงานได้เต็มที่ และยังช่วยควบคุม homocysteine ซึ่งเป็นกรดอะมิโนชนิดหนึ่งที่อยู่ในร่างกาย ซึ่งเป็นตัวขัดขวางการที่เลือดจะไปหล่อเลี้ยงสมอง ถั่วเป็นอาหารที่อุดมไปด้วยวิตามิน B 6 และโฟเลต มากที่สุด และไม่ต้องกังวลกับการขาดวิตามิน B 12 เพราะมีมากในเนื้อสัตว์และอาหารทะเล หมั่นสังเกตตัวเองสักนิดแล้วจะรู้ว่าร่างกายของท่านเรียกร้องอะไร
>>Subject: วัดพระบาทน้ำพุ อาจต้องปิดใน 3 เดือน!!!
>>Subject: วัดพระบาทน้ำพุ อาจต้องปิดใน 3 เดือน!!!,
>>ขาดเงินบริจาคเป็นจำนวนมากทุกเดือน>>Date: Thu, 15 Feb 2007 16:26:43 -0800 (PST)
>>>>ทุกวันนี้
>>ที่วัดมีผู้ป่วยและเด็กกำพร้าที่หลวงพ่อต้องคอยดูแลรวมถึงพนักงานและอาสาสมัครราวหนึ่ง
>>พันคน>>ค่าใช้จ่ายต่อเดือนประมาณสามล้านกว่าบาท
>>แต่ยอดบริจาคกลับน้อยลงเนื่องจากสภาวะเศรษฐกิจที่ซบเซา
>>เห็นว่าลดลงเหลือเพียงเดือนละสองแสนบาทเอง
>>ส่วนรัฐบาลก็ช่วยเหลือเพียงเดือนละหนึ่งแสนบาทเท่านั้น
>>>>เคยโทรไปถามที่วัดเกี่ยวกับสถานะทางการเงิน พนักงานก็บอกว่า รายรับเท่าเดิม
>>แต่ค่าใช้จ่ายเพิ่มขึ้นทุกวัน
>>ค่ายารักษาหรือเพิ่มภูมิต้านทานก็แสนจะแพง แถมผู้ป่วยก็มีแต่จะเพิ่มมากขึ้น
>>ทางวัดจะไม่รับก็ไม่ได้ เนื่องจากมีคนพาผู้บ่วยมาทิ้งไว้ที่หน้าประตูวัดเสมอ
>>ซึ่งพวกเขาก็ไม่มีทางไป
>>ที่วัดก็เมตตาช่วยเหลือแม้กระทั่งคนชราและเด็กที่คนในครอบครัวเสียชีวิตเพราะเอดส์แล้ว
>>ไม่มีใครดูแล>>>>ตอนนี้ ต้องมีการส่งผู้ป่วยที่อาการดีแล้วและพอมีฐานะกลับบ้านบ้างแล้ว
>>และอีกสามเดือนอาจต้องปิดตัวลง!!!!!!
>>หลวงพ่อเองต้องลงมาบิณฑบาตรที่กรุงเทพฯทุกสัปดาห์ ต้องไปหลายที่ต่อหนึ่งวัน
>>เพราะรอคนไปช่วยเหลือถึงวัดไม่ไหว เห็นแล้วก็เหนื่อยแทนจริงๆ
>>>>เมืองไทยมีผู้ติดชื้อเอดส์มากเป็นอันดับสี่ของโลกแล้ว
>>และแนวโน้มก็มีมากขึ้นเรื่อยๆ
>>สวนทางกับอายุของผู้ที่ติดเชื้อเอดส์ซึ่งกลับกลายเป็นว่าอายุน้อยลงทุกที
>>อยากให้พวกเราเข้าใจว่า
>>เรื่องนี้เป็นปัญหาของประเทศชาติและเป็นเรื่องของพวกเราทุกคนที่ต้องช่วยกัน
>>>>พวกเราสามารถช่วยได้หลายรูปแบบ>>ขณะนี้หลวงพ่อท่านมารับบริจาคทุกวันเสาร์
>>ตั้งแต่ 8.30 น. -10.00 น. ที่สวนลุมไนท์บาร์ซาร์
>>ข้างๆอาคารบีอีซี เทโร สามารถบริจาคเป็นเงิน (ดีที่สุด), ยา, ผ้าอ้อม, สำลี,
>>ของอุปโภคบริโภคต่างๆ, หนังสือ, เสื้อผ้า ฯลฯ
>>>>หรือบริจาคผ่านธนาคารให้กับ " กองทุนอาทรประชานาถ "
>>ถ้าสามารถทำเป็นรายเดือนได้จะดีมาก รายละเอียดของเบอร์บัญชีมีดังนี้
>>ธ.กรุงเทพฯ สาขาลพบุรี 289-0-84697-1
>>ธ.ทหารไทย สาขาลพบุรี 304-2-41277-9
>>ธ.กสิกรไทย สาขาถนนสุรสงคราม 174-2-39000-0
>>ธ.ไทยพาณิชย์ สาขาลพบุรี 579-2-33730-7
>>ธ.กรุงศรีอยุธยา สาขาลพบุรี 111-1-47300-7
>>ธ.นครหลวงไทย สาขาลพบุรี 340-2-14976-0
>>ธ.เพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร สาขานางเลิ้ง 000-2-12022-0
>>>>และสุดท้ายที่พวกเราสามารถช่วยได้เดี๋ยวนี้ คือ การบอกต่อถึงเรื่องนี้
>>และช่วยส่งเมล์นี้ไปให้คนที่รู้จักทุกๆคน
>>ขาดเงินบริจาคเป็นจำนวนมากทุกเดือน>>Date: Thu, 15 Feb 2007 16:26:43 -0800 (PST)
>>>>ทุกวันนี้
>>ที่วัดมีผู้ป่วยและเด็กกำพร้าที่หลวงพ่อต้องคอยดูแลรวมถึงพนักงานและอาสาสมัครราวหนึ่ง
>>พันคน>>ค่าใช้จ่ายต่อเดือนประมาณสามล้านกว่าบาท
>>แต่ยอดบริจาคกลับน้อยลงเนื่องจากสภาวะเศรษฐกิจที่ซบเซา
>>เห็นว่าลดลงเหลือเพียงเดือนละสองแสนบาทเอง
>>ส่วนรัฐบาลก็ช่วยเหลือเพียงเดือนละหนึ่งแสนบาทเท่านั้น
>>>>เคยโทรไปถามที่วัดเกี่ยวกับสถานะทางการเงิน พนักงานก็บอกว่า รายรับเท่าเดิม
>>แต่ค่าใช้จ่ายเพิ่มขึ้นทุกวัน
>>ค่ายารักษาหรือเพิ่มภูมิต้านทานก็แสนจะแพง แถมผู้ป่วยก็มีแต่จะเพิ่มมากขึ้น
>>ทางวัดจะไม่รับก็ไม่ได้ เนื่องจากมีคนพาผู้บ่วยมาทิ้งไว้ที่หน้าประตูวัดเสมอ
>>ซึ่งพวกเขาก็ไม่มีทางไป
>>ที่วัดก็เมตตาช่วยเหลือแม้กระทั่งคนชราและเด็กที่คนในครอบครัวเสียชีวิตเพราะเอดส์แล้ว
>>ไม่มีใครดูแล>>>>ตอนนี้ ต้องมีการส่งผู้ป่วยที่อาการดีแล้วและพอมีฐานะกลับบ้านบ้างแล้ว
>>และอีกสามเดือนอาจต้องปิดตัวลง!!!!!!
>>หลวงพ่อเองต้องลงมาบิณฑบาตรที่กรุงเทพฯทุกสัปดาห์ ต้องไปหลายที่ต่อหนึ่งวัน
>>เพราะรอคนไปช่วยเหลือถึงวัดไม่ไหว เห็นแล้วก็เหนื่อยแทนจริงๆ
>>>>เมืองไทยมีผู้ติดชื้อเอดส์มากเป็นอันดับสี่ของโลกแล้ว
>>และแนวโน้มก็มีมากขึ้นเรื่อยๆ
>>สวนทางกับอายุของผู้ที่ติดเชื้อเอดส์ซึ่งกลับกลายเป็นว่าอายุน้อยลงทุกที
>>อยากให้พวกเราเข้าใจว่า
>>เรื่องนี้เป็นปัญหาของประเทศชาติและเป็นเรื่องของพวกเราทุกคนที่ต้องช่วยกัน
>>>>พวกเราสามารถช่วยได้หลายรูปแบบ>>ขณะนี้หลวงพ่อท่านมารับบริจาคทุกวันเสาร์
>>ตั้งแต่ 8.30 น. -10.00 น. ที่สวนลุมไนท์บาร์ซาร์
>>ข้างๆอาคารบีอีซี เทโร สามารถบริจาคเป็นเงิน (ดีที่สุด), ยา, ผ้าอ้อม, สำลี,
>>ของอุปโภคบริโภคต่างๆ, หนังสือ, เสื้อผ้า ฯลฯ
>>>>หรือบริจาคผ่านธนาคารให้กับ " กองทุนอาทรประชานาถ "
>>ถ้าสามารถทำเป็นรายเดือนได้จะดีมาก รายละเอียดของเบอร์บัญชีมีดังนี้
>>ธ.กรุงเทพฯ สาขาลพบุรี 289-0-84697-1
>>ธ.ทหารไทย สาขาลพบุรี 304-2-41277-9
>>ธ.กสิกรไทย สาขาถนนสุรสงคราม 174-2-39000-0
>>ธ.ไทยพาณิชย์ สาขาลพบุรี 579-2-33730-7
>>ธ.กรุงศรีอยุธยา สาขาลพบุรี 111-1-47300-7
>>ธ.นครหลวงไทย สาขาลพบุรี 340-2-14976-0
>>ธ.เพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร สาขานางเลิ้ง 000-2-12022-0
>>>>และสุดท้ายที่พวกเราสามารถช่วยได้เดี๋ยวนี้ คือ การบอกต่อถึงเรื่องนี้
>>และช่วยส่งเมล์นี้ไปให้คนที่รู้จักทุกๆคน
Friday, February 02, 2007
บ้านเด็กอ่อนพญาไท ต้องการด่วน
สืบเนื่องจากได้รับ mailฉบับหนึ่งขอความช่วยเหลือสิ่งของบริจาคบ้านเด็กอ่อนพญาไทซึ่งรับเลี้ยงเด็ก ตั้งแต่แรกเกิดถึง 5 ขวบ จำนวน 300 กว่าคนส่วนใหญ่เป็นเด็กที่ถูกทอดทิ้งและมีเด็กที่ติดเชื้อ HIV ประมาณ 40 กว่าคนของที่คนส่วนใหญ่นำมาบริจาคปกติแล้วจะเป็นนมกล่องและนมผงเนื่องจากตอนนี้บ้านเด็กอ่อนพญาไทได้ขึ้นบอร์ดขอความช่วยเหลือว่าต้องการของตามรายการเหล่านี้มากเป็นพิเศษลองดูนะว่าเราสามารถช่วยอะไรได้บ้างตามกำลังทรัพย์ของแต่ละคน
1. ผ้าก๊อส (ทำแผล)2. ผ้าอ้อมกระดาษ(ทุกขนาด)3. ข้าวหอมมะลิ4. สายดูดเสมหะ เบอร์ 8,5. นมผงยี่ห้อเอนฟาแลคนาด , โอแล็ค. อะแลคต้า้6. น้ำเกลือสำหรับทำแผลสด7. ผ้าเช็ดตัวผืนใหญ่8. ยาทาเชื้อราื (ผิวหนัง) ผ้าขนหนู9. แอลกอฮอล์(ทำความสะอาดแผล 70%)10. ผ้าเช็ดหน้าเด็ก11. ถุงมือขนาด S, M12. เสื้อและกางเกงเด็ก 1-3 ขวบ13. Asmasol Solution 20 ml. ( ยาพ่น)14. Prepulsid Susjunsion15. รองเท้า และ ถุงเท้าเด็ก 1-3 ขวบ16. กระดาษชำระะ17. สบู่เด็กหากผู้ใดประสงค์จะบริจาค หรือสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติม ติดต่อบ้านเด็กอ่อนพญาไทริจาค โทร.0-2246-4092หรือส่งพัสดุที่ สถานสงเคราะห์เด็กอ่อนพญาไท264/1 ถนนพระราม 6 แขวงทุ่งพญาไทเขตราชเทวี กทม 10400หรือ โอนเงินเข้าบัญชี ธนาคารไทยพาณิชย์ สาขารามาธิบดีเลขที่ 026-2-28911-5 ชื่อบัญชี มูลนิธิสงเคราะห์เด็กอ่อนพญาไท
1. ผ้าก๊อส (ทำแผล)2. ผ้าอ้อมกระดาษ(ทุกขนาด)3. ข้าวหอมมะลิ4. สายดูดเสมหะ เบอร์ 8,5. นมผงยี่ห้อเอนฟาแลคนาด , โอแล็ค. อะแลคต้า้6. น้ำเกลือสำหรับทำแผลสด7. ผ้าเช็ดตัวผืนใหญ่8. ยาทาเชื้อราื (ผิวหนัง) ผ้าขนหนู9. แอลกอฮอล์(ทำความสะอาดแผล 70%)10. ผ้าเช็ดหน้าเด็ก11. ถุงมือขนาด S, M12. เสื้อและกางเกงเด็ก 1-3 ขวบ13. Asmasol Solution 20 ml. ( ยาพ่น)14. Prepulsid Susjunsion15. รองเท้า และ ถุงเท้าเด็ก 1-3 ขวบ16. กระดาษชำระะ17. สบู่เด็กหากผู้ใดประสงค์จะบริจาค หรือสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติม ติดต่อบ้านเด็กอ่อนพญาไทริจาค โทร.0-2246-4092หรือส่งพัสดุที่ สถานสงเคราะห์เด็กอ่อนพญาไท264/1 ถนนพระราม 6 แขวงทุ่งพญาไทเขตราชเทวี กทม 10400หรือ โอนเงินเข้าบัญชี ธนาคารไทยพาณิชย์ สาขารามาธิบดีเลขที่ 026-2-28911-5 ชื่อบัญชี มูลนิธิสงเคราะห์เด็กอ่อนพญาไท
Subscribe to:
Posts (Atom)