Tuesday, January 30, 2007
Tuesday, January 23, 2007
อีกความรู้เกี่ยวกับโภชนาการ
เรียบเรียงโดย มงคล กริชติทายาวุธ ประธานชมรมศาสนาและการกุศล
ด้วยมีสมาชิกชมรมฯ ได้ไปฟังการบรรยายพิเศษของ คุณหมอพันธ์ศักดิ์ ศุกระฤกษ์ เห็นว่าดีมีประโยชน์ จึงสรุปส่งเนื้อหามาให้ผู้เขียนอ่าน ผู้เขียนเห็นว่า น่าจะเป็นประโยชน์แก่ผู้อื่นด้วย ผู้เขียนจึงเรียบเรียงเนื้อหาให้กระชับชัดเจนมากขึ้น ขอเชิญท่านหาความรู้จากบทความเรื่องนี้ได้ครับ
1. ดุลยภาพแห่งชีวิต
คือ ความสมดุลของชีวิต ย่อมมีทั้งชีวิตการงาน ชีวิตส่วนตัว ชีวิตในสังคม ชีวิตครอบครัว และสุขภาพ แต่ที่สำคัญที่สุด คือ สุขภาพ ถ้าสุขภาพเสียทุกสิ่งก็สูญสลาย
2. การแพทย์วิถีธรรมชาติ
อาจารย์หมอพันธ์ศักดิ์ฯ ในอดีตต้องทำงานหนักทั้งงานราชการ คลีนิค และครอบครัว ต้องตื่นตีห้าและเข้านอนห้าทุ่มล่วงเลยไปแล้ว ส่งผลให้เกิดโรคเครียด โรคกระเพาะอาหาร โรคภูมิแพ้ และความจำไม่ดี พออายุ 40 ปี จึงตัดสินใจลาออกจากราชการ แล้วไปเรียนการแพทย์วิถีธรรมชาติจากออสเตรเลีย นับจากนั้นมา อาจารย์หมอพันธ์ศักดิ์ฯ ไม่เคยเจ็บป่วยอีกเลย ปัจจุบันอาจารย์มีความสุขมาก ๆ และหน้าตาดูดีกว่าเมื่อ 10 ปีที่แล้วมาก
3. ทำอย่างไรให้สุขภาพดีไม่เจ็บป่วย
3.1 สุขภาพ คือภาพแห่งความสุข ร่างกายแข็งแรง จิตใจแจ่มใสเบิกบาน อยู่ในสังคมได้อย่างมีความสุข
3.2 อาหาร คือแหล่งพลังงานของชีวิต การรับประทานอาหารที่ทำให้สุขภาพดี ไม่เจ็บป่วยและอายุยืน จะต้อง กินอาหารเช้าอย่างราชา อาหารกลางวันอย่างคนธรรมดาและอาหารเย็นอย่างยาจก ดังนั้น อาหารเช้าจึงเป็นมื้อที่สำคัญที่สุด
3.3 อนุมูลอิสระ (Free radical) การรับประทานอาหารจะเกิดของเสียที่เรียกว่า อนุมูลอิสระหรือเรียกว่าประจุวิ่งหารัก หรือประจุขาดรัก วิ่งไปทั่วร่างกาย อวัยวะที่เล็กที่สุดในร่างกาย คือ เซล
เซลประกอบด้วย ผนังห้อง และแกนกลางเรียกว่า นิวเคลียส หรือ DNA นิวเคลียสเป็นพิมพ์เขียวที่ทำหน้าที่สร้างเซลใหม่ ส่วนอนุมูลอิสระจะเป็นตัวทำลายผนังห้องและนิวเคลียส ทำให้เซลเนื้อเยื่อเปลี่ยนแปลงไป แต่ร่างกายเราจะมีระบบภูมิคุ้มกัน ถ้าไม่ดูแลสุขภาพให้ดีภูมิคุ้มกันจะถูกทำลาย ทำให้เกิดมะเร็งและโรคต่างๆ เกิดขึ้นได้โดยง่าย
3.4 อาหารเช้า ควรรับประทาน คาร์โบไฮเดรท วิตามินบี และซี ถ้าไม่กินมื้อเช้าชีวิตจะเริ่มต้นด้วยความเป็นกรด (แลคติกแอซิค) ยกเว้นเรามียาวิเศษคือ การหัวเราะ เพราะขณะหัวเราะร่างกายจะเปลี่ยนเป็นด่าง หัวเราะ 1 ครั้ง อายุยืน 5 นาที อาหารเช้าที่ต่อต้านความเครียดในการทำงานได้แก่ วิตามินบี และซี ซึ่งไม่มีการเก็บสะสม เพราะละลายในน้ำได้หมด มื้อเช้าที่เร็วและง่าย คือ กล้วยหอม 1 ลูก+ส้ม 1 ลูก + นม 1 กล่อง (หรือ HOT CHOCOLATE) ในกล้วยหอมมีแมกนีเซียม และโปตัสเซียม ในส้มมีวิตามินซี โดยเฉพาะกากส้มขาว ๆ มีเส้นใยไฟเบอร์ชนิดไม่ละลายในน้ำ ที่สามารถช่วยดูดซึมพิษในร่างกายและขับออกไป กากส้มมีวิตามินซีมากกว่าน้ำส้ม ในนมมีสารทริบโตเฟน ทำให้กระปรี้กระเปร่า และ อารมณ์ดี
3.5 อาหารกลางวัน กินอะไรก็ได้ที่ชอบ เช่น แกงเขียวหวาน ขาหมู ก๋วยเตี๋ยว แต่ที่ เป็นอันตราย ต่อสุขภาพ คือ น้ำตาล และน้ำมัน ที่จะต้องพยายามหลีกเลี่ยง
3.6 อาหารเย็น ต้องกินพืชผักและผลไม้ เพื่อให้ได้ไฟเบอร์ ซึ่งเป็นสารต่อต้านอนุมูลอิสระ และชะลอความแก่ มื้อเย็นง่าย ๆ เช่น ผัดผัก 1 จาน + ส้มตำ 1 จาน + น้ำผลไม้ 1 แก้ว กินผักผลไม้วันละ ½ กก. จะทำให้แก่ช้า หรือดื่มน้ำผลไม้สดวันละ 3 แก้ว 3 สี แก้วละสี หรือผสมกันก็ได้ สุขภาพจะดีขึ้นมาก
คาร์โบไฮเดรท ทำหน้าที่ให้พลังงาน มีมากในแป้ง ข้าว ขนมปัง ก๋วยเตี๋ยว วิธีกินคาร์โบไฮเดรทไม่ให้อ้วน คือกินช้า ๆ เคี้ยวให้ละเอียด กินพออิ่ม ที่เหลือเก็บไว้กินในมื้อต่อไป หรือ พยายามกินเพียง 3 ใน 4 ส่วน ที่อยู่ในจาน แล้วหยุดกิน
วิตามินบี มีมากในธัญญพืช ลูกเดือย ข้าวกล้อง ถั่วเหลือง ถั่วแดง เต้าหู้
โปรตีน มีมากในเนื้อสัตว์ อายุเกิน 35 รับประทานโปรตีนพอประมาณ ถ้ามากจะทำให้ดูดซึมแคลเซียมไม่ดี เกิดโรคกระดูกผุ สัตว์ใหญ่ก่อนตายจะหลั่งสารแอดรีนาลิน (สารทุกข์) ผสมเข้าไปในกระแสเลือด จึงไม่ควรกินเลือดสัตว์อย่างยิ่ง อันตรายยิ่งนัก ให้เปลี่ยนไปกินปลาแทน เพราะย่อยง่ายและมีไขมันชั้นดี ทำให้การไหลเวียนของเลือดดี ป้องกันโรคหัวใจและสมองขาดเลือด แก้มปลามีแคลเซียมมากกว่าส่วนอื่น ควรกินปลาสัปดาห์ละ 3 มื้อ ก็เพียงพอแล้วอย่ากินทุกมื้อ เพราะจะทำให้เลือดออกไม่หยุด ชาวเอสกิโมโดนมีดบาดเลือดจะออกไม่หยุดเพราะกินปลาทุกมื้อ หญิงตั้งครรภ์ไม่ควรกิน Fish oil เพราะอาจทำให้ตกเลือด
แคลเซียม ในวัยทองต้องการแคลเซียมวันละ 1200-1500 มก. และควรกินปลาเล็กปลาน้อยเพื่อให้ได้แคลเซียมเพียงพอ
ผักขมฝรั่ง (spinach) มีธาตุสังกะสี เหล็ก และสารต่อต้านอนุมูลอิสระ ต้นไม้ที่มีเปลือกจะมีสารต่อต้านสิ่งแวดล้อมภายนอก เพราะต้นไม้อยู่กับที่ วิ่งหนีมลพิษไม่ได้ จึงมีเปลือกเพื่อป้องกันมลพิษ
น้ำตาล ต้องไม่ขัดสี เช่นน้ำตาลทรายแดง และน้ำตาลกรวด น้ำตาลทรายขาวมีสารขัดขาวซึ่งเป็นสารเร่งความเครียด ทำให้เครียดง่าย และเป็นอันตรายต่อสุขภาพ น้ำตาลเทียมดีกว่าน้ำตาลขัดสี แต่รสชาดไม่ดีเท่านั้น
ความจำเป็นในการกินอาหารให้ครบทั้ง 3 มื้อ
ถ้าวัยหนุ่มสาว ควรกินให้ครบ 3 มื้อ แต่ถ้าวัย 35 ขึ้นไป และวัยทอง ควรมีอาหารว่าง (snack) ที่ให้พลังงานไม่มากเป็นมื้อที่ 4 กินหลายมื้อได้ แต่ครั้งละ น้อย ๆ และเลือกอาหารที่ย่อยง่าย ข้อควรคำนึงคือ
กินอย่างอารมณ์ดี เช่นกินกับคนที่เรารัก กินช้าๆ เคี้ยวให้ละเอียดนึกถึงแต่ความสุข ถ้ากินมื้อละ15 นาที 3 มื้อ ก็เท่ากับเรามีความสุข 45 นาทีแล้ว และกินอย่างมีน้ำใจ นึกถึงชาวนาอย่ากินทิ้งกินขว้าง กินพอประมาณ อิ่มแล้วเลิก หรือจวนอิ่มแล้วหยุด
วิธีดื่มกาแฟ
- ต้องไม่ใช้ครีมเทียม เพราะครีมเทียมคือน้ำมันมะพร้าว ทำให้มันจุกอกตาย กาแฟ 3 อิน 1 ไม่ดี เพราะผสมครีมเทียม กาแฟดำมีอะโลม่า ดื่มแล้วอารมณ์ดี การไหลเวียนของเลือดดี
วิธีชงกาแฟ ใส่กาแฟ 1 ช้อนชา เติมนมอุ่น (Low fat) ½ แก้ว และน้ำตาล
วิธีดื่มกาแฟที่ดีที่สุด ต้องไม่ใส่อะไรเลย กาแฟเอสเปรสโซ่ดื่มรวดเดียวหมดจะหวานกว่าจิบทีละนิด ดื่มกาแฟวันละไม่เกิน 3 แก้ว ถ้าเกินจะดึงแคลเซียมจากไต มีอันตรายต่อสุขภาพ
การพักผ่อน หลักการพักผ่อนที่ดี มีหลายแบบ อาทิ
1. หนีความจำเจซ้ำซาก เช่นเที่ยวทุก 1 เดือน หรือเปลี่ยนทรงผมใหม่ มีคำกล่าวว่า เปลี่ยนที่(สถานที่) ได้ห้า เปลี่ยนหน้า (ใบหน้า ,ทรงผม) ได้สิบ อาจทำให้สบายใจมากขึ้น
2. มองโลกในแง่ดี เช่น มีน้ำ ½ แก้ว ต้องมองว่ายังเหลือน้ำอีกตั้ง ½ แก้ว ไม่ใช่น้ำหมดไปแล้วตั้ง ½ แก้ว อีกกรณีคือภรรยาของอาจารย์จะไม่ให้ความสำคัญที่จะต้องทราบว่าในแต่ละวันอาจารย์จะอยู่ที่ไหน ขณะเดียวกันอาจารย์เป็นฝ่ายต้องทราบว่าภรรยาอยู่ที่ไหนเพื่อกลับมาทำหน้าที่เทคแคร์ภรรยา ให้ทัน กรณีนี้ภรรยาจะไม่เกิดความทุกข์กังวลในการสอดส่องสามี ว่า ไปทำอะไรลับหลังภรรยา
3. Second job นอกจากงานหลักเพื่อเลี้ยงชีวิตและครอบครัวแล้ว ควรมีงานรองอย่างที่ 2 ที่เราชอบ ที่เราไม่คิดว่าเป็นงาน แต่ทำแล้วมีความสุข เช่น เขียนหนังสือ สอนหนังสือ หรือบรรยาย
การนอนหลับสนิท จะทำให้เกิดสารเมลาโทนินซึ่งเป็นสาร antioxidant ทำหน้าที่กำจัดของเสียที่เกิดขึ้นในตอนกลางวัน ปัจจุบันเมลาโทนินที่มีขายอยู่จะออกฤทธิ์เพียง 6 นาทีเท่านั้น แต่ร่างกายเราต้องการ 6 ชม. การนอนหลับสนิทได้คุณประโยชน์มากกว่า
การพักผ่อนที่ดีที่สุด บางครั้ง ได้แก่ การอยู่เฉย ๆ อยู่กับตัวเอง อย่าให้งานและสังคมมายุ่งเกี่ยว ทำอะไรก็ได้ที่ไม่ทำให้ใครเดือดร้อน เช่น ดูหนัง ฟังเพลง จิบชา ล่องเรือ ฟิตเนส หรือสปา การออกกำลังกายที่รักที่ชอบ ก็เป็นการพักผ่อนอย่างหนึ่ง
สรุปคำถามคำตอบ
1. นมกับน้ำเต้าหู้อะไรดีกว่ากัน
คนไทยประมาณ 1/3 หรือ 30% ไม่มีสารย่อยสลายนม ถ้าดื่มนมไม่ได้ให้กินโยเกิร์ตแทนเพราะมีประโยชน์โดยเฉพาะผู้หญิง ใช้ทาหน้าทำให้หน้าตึง และมีแลคโตไบซิไลท์ เข้าไปอยู่ในทางเดินอาหารและช่องคลอด ช่วยย่อยและไม่ติดเชื้อราที่ช่องคลอด น้ำเต้าหู้สกัดจากถั่วเหลือง มีฮอร์โมนไฟโตเอสโตรเจน ยับยั้งการเกิดมะเร็งเต้านมและมดลูก แต่น้ำเต้าหู้ไม่มีแคลเซียม ต้องกินเต้าหู้แข็งจึงได้แคลเซียม เต้าหู้ยิ่งแข็งยิ่งมีแคลเซียมสูง
2. แก้วมังกรทำให้เป็นมะเร็งหรือไม่
ไม่น่าจะใช่ ยังไม่เคยอ่านเจอ แก้วมังกรมาจากเวียดนาม มีไฟเบอร์สูง แคลอรี่ต่ำ ควรฟังหูไว้หู อย่าตระหนกเกินกว่าเหตุ วิธีแก้กินแก้วมังกรน้อยลง เพิ่มฝรั่งและแอปเปิ้ลแทน
3. ฮอร์โมนเพศหญิงในวัยทองทำให้เกิดมะเร็งหรือไม่
เป็นเพียงผลงานวิจัยของอเมริกาเท่านั้น โดยทำการทดลองกับกลุ่มหญิงที่เป็นโรคหัวใจ อ้วน และหน้าอกโต ซึ่งมีปัจจัยเสี่ยงต่อการเกิดโรคมะเร็งอยู่แล้ว โดยการให้ฮอร์โมนอยู่ชนิดเดียว ขนาดเดียว เกิน 5 ปี พบว่าปัจจัยเสี่ยงในการเป็นมะเร็งเพิ่มขึ้น 0.25%
4. โยเกิร์ตและสมูทตี้
หลักการของสมูทตี้ คือต้องการไฟเบอร์ไปช่วยดูดพิษ แต่โยเกิร์ตมีแลคโตไบซิไลท์อย่างเดียว ไม่มีไฟเบอร์ วิธีทำง่าย ๆ คือ โยเกิร์ต + น้ำผึ้ง + กล้วยหอม
5. การนอนให้ได้ประโยชน์
ควรนอนก่อน 4 ทุ่ม ในห้องที่ตกแต่งเหมือนโรงแรม mมีม่านติด 2 ชั้น เพื่อป้องกันแสง ควรตื่นเมื่อถึงเวลาตื่นมา ไม่ใช่ตื่นเพราะแสงแดดแยงตา ควรนอนในห้องที่มีความมืด ระบบฮอร์โมนจะทำงานปกติ การนอนในห้องที่มีแสงไฟไม่ดี เพราะฮอร์โมนจะสร้างในความมืดในขณะที่เรานอนหลับสนิท การงีบในตอนบ่ายดีในแง่ จะทำงานมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น
6. ออกกำลังกายตอนไหนดี
เวลาไหนก็ได้ที่เหมาะสมกับเราที่สุด อย่ายึดมั่นถือมั่นแล้วเราจะมีความสุข ตัวเราเองรู้เองออกกำลังกายตอนไหนก็ได้
ออกกำลังกายตอนเช้า ได้แสงแดดตอนเช้า ได้วิตามินดี กระดูกหนาขึ้น อาหารเช้าจะต้านสารอนุมูลอิสระที่เกิดจากการออกกำลังกายได้ พอหายเหนื่อยให้อาบน้ำอุ่นแล้วตามด้วยน้ำเย็น จะทำให้กล้ามเนื้อกระฉับกระเฉง ทำงานได้ดี
ออกกำลังกายตอนเย็น โดยมีอุปกรณ์ เช่น ใช้ไม้พลองประกอบ ทำให้กระดูกแขนไม่บาง ไม่โดนแสงแดด แต่การออกกำลังกายทำให้เกิดอนุมูลอิสระ วิธีแก้คือดื่มน้ำผลไม้สด 1 แก้ว ก่อนและหลังออกกำลังกาย จะต้านอนุมูลอิสระได้ การออกกำลังกายทำให้ร่างกายตื่นตัว จึงควรอาบน้ำเย็นก่อนแล้วตามด้วยน้ำอุ่น จะทำให้กล้ามเนื้อผ่อนคลาย และจะทำให้นอนหลับสบาย
7. น้ำมันประกอบอาหารชนิดไหนดี
น้ำมันมี 2 ชนิด คือชนิดกรดไขมันอิ่มตัว เช่น น้ำมันหมู วัว ไม่ควรกินเพราะไขมันจะไปอุดตามเส้นเลือด และชนิดกรดไขมันไม่อิ่มตัว เช่น น้ำมันมะกอก (ทนความร้อนได้ดีที่สุด) ทานตะวัน ข้าวโพด ฟักทอง ถั่วเหลือง ถ้าอยากให้หอมเมื่อปรุงอาหารเสร็จปิดไฟ แล้วค่อยใสน้ำมันงา เพราะเป็นน้ำมันที่ไหม้ง่าย จะทำให้อาหารมีความหอมมากขึ้น
8. พืชกับนมจากสัตว์อย่างไหนมีธาตุเหล็กมากกว่า
นมจากสัตว์มีธาตุเหล็กมากกว่า นมแพะ นมจามรีดีกว่านมวัวเพราะไขมันน้อยแต่ไม่ค่อยอร่อย นมวัวอร่อยแต่มีไขมันมากที่สุด วิธีแก้ดื่มนมวัวแบบพร่องมันเนยแทน
9. การทำดีท็อกซ์
หลักการคือนำกากอาหารใส่ในลำไส้ เช่น กาแฟ เพื่อทำให้สารพิษออกมา เสียเงินและทรมาน ควรทำดีท็อกซ์แบบชาวบ้านคือ กินมังสวิรัติสัปดาห์ละ 1 วัน อาจารย์จะดีท็อกซ์ทุกวันเสาร์โดยไม่กินเนื้อสัตว์ แต่จะต้มจับฉ่ายใส่เต้าหู้ ฟองเต้าหู้ และเห็ดหลาย ๆ ชนิด ใส่ผักขม คะน้า ไชเท้า กวางตุ้ง ใส่น้ำมันงา และพริกไทยดำ โดยกินให้หมดภายใน 1 วัน
10. กินกาแฟแล้วนอนไม่หลับ
วิธีแก้ คือ กินกาแฟ และนมอุ่น ๆ หรือกินกาแฟ + กล้วยหอม + เนยมาการีน หรือกินกาแฟดีคาเฟอีน(กาแฟที่มีแต่กลิ่นไม่มีสารคาเฟอีน) เพราะเราติดที่กลิ่น
11. นมเย็นกับนมอุ่นอย่างไหนดีกว่ากัน
สารอาหารเท่ากัน แต่นมอุ่นดีกว่า (55 องศา C) เพราะแตกตัวได้ทริบโตเฟน ทำให้อารมณ์ดี นมเย็นจะไม่แตกตัว วิธีอุ่นนม ให้เอาน้ำใส่แก้ว แล้วนำไปเข้าไมโครเวฟจนร้อนแล้วค่อยเอานมใส่
12. ผักผลไม้สดกับน้ำผักผลไม้คั้น
ดีทั้ง 2 อย่าง แต่ถ้าผักผลไม้สดต้องกินเป็นจำนวนมากเป็น กก. ถึงจะได้สารอาหารเพียงพอ แต่ถ้าคั้นเป็นน้ำ ดื่มเป็นแก้วพอไหว
13. อาหารรักษาโรคข้อ
ใช้ เซลารี่ 4 ก้านใหญ่ + แอปเปิ้ลหรือฝรั่ง + แครอท นำมาแยกกากดื่มวันละ 1 แก้ว ทุกวัน จะแก้โรคข้อ เข่าจะไม่เจ็บไม่ปวด หรือนำเซลารี่ไปผัดกับกุ้ง แต่ต้องกินให้ได้ 4 ก้านใหญ่ จึงจะเพียงพอ ดังนั้นนำไปแยกกากดีกว่า เซลารี่จะมีสรรพคุณแก้ปวดบวม แอปเปิ้ลหรือฝรั่งมีวิตามีซีช่วยเรื่องน้ำในข้อ ส่วนแครอทช่วยในเรื่องเยื่อเมือก
14. น้ำผลไม้แบบกล่อง
แทบจะไม่ได้สารอาหาร นอกจากกลูโคส ควรคั้น (แยกกาก) เองสด ๆ ดีที่สุด แล้วดื่มทันทีจะได้คุณค่ามาก หากต้องการดื่มแบบเย็น ให้นำน้ำแข็งใส่กาละมัง ใส่น้ำ แล้วนำผลไม้ลงไปล้างแล้วค่อยมาคั้น หรือนำแก้วเปล่าและผลไม้ไปแช่เย็นก่อนนำมาคั้นก็ได้
15. วิธีทานกล้วยหอมไม่ให้ลมขึ้น
ให้กินกล้วยห่าม ๆ จะไม่หวานและได้คาร์โบไฮเดรท ถ้าดิบหรือสุกเกินไปจะได้แต่น้ำตาล
16. การปั่นกับการแยกกาก (คั้น)
การปั่น เป็นการตีให้แตก จะทำให้สารอนุมูลอิสระออกมา ไม่ดี แต่การแยกกาก เป็นการแยกน้ำและแยกกากออกจากัน ได้คุณค่ามากกว่า แต่การแยกกากจะไม่ได้ไฟเบอร์ ถ้าต้องการไฟเบอร์ให้ตักกากมากินก็ได้ หรือ เอากากมาปั้นเป็นก้อนกินชดเชยได้
17. น้ำโซดาล้างท้องได้หรือไม่
โซดาเป็นน้ำด่าง มีข้อดีคือ ถ้าในท้องมีกรดมาก โซดาจะทำให้เกิดความสมดุลและสบายท้อง แต่ถ้าท้องมีแก๊ส โซดาจะทำให้ท้องอืด ถ้ากินแล้วสบายดีก็กินต่อไปได้
18. อาหารที่กินแล้วผมไม่หงอก
ไม่มี ถ้าอยากหายต้องใส่วิก ผมหงอกเกิดจากกรรมพันธุ์ และความเครียด อาหารและแร่ธาตุที่ช่วยให้ผมหงอกช้า ได้แก่ วิตามินบี และซี สังกะสี (zinc) แต่ควรกิน zinc อะมิโน ครีเรท อย่ากินzinc ซัลเฟรด เพราะกัดกระเพาะ หรือกินอาหารเสริม เช่น เซ็นทรัม แบลคมอร์ จะช่วยให้เส้นผมดำขึ้น
19. การย้อมผมกับมะเร็ง
การย้อมผมทำให้บุคลิกดีขึ้นมีความสุข เลือกใช้ยาย้อมผมที่ไม่มีสารโลหะหนักผสม เช่น ตะกั่ว ถ้าไม่มีสารตะกั่วก็ไม่เป็นไร เวลาย้อมให้ปิดตาและจมูกให้ดี อาจใช้แบบสเปรย์ก็ได้
20. ประโยชน์ของน้ำสมุนไพร (HERB)
คือ พืชผักผลไม้ จึงมีคุณค่าทางยาแล้วแต่ชนิด เช่น เครนเบอรี่ หรือ กระเจี๊ยบ จะมีสรรพคุณทางยาช่วยเรื่องการอักเสบในกระเพาะปัสสาวะ หรือนิ่วในไต เป็นต้น
21. ตำราอาหารสำหรับผู้ชาย
กินกล้วย + น้ำผึ้ง + พริกไทยดำ จะทำให้หลับสบาย ถ่ายสะดวก วิธีทำ ใช้กล้วยน้ำว้าหรือกล้วยหักมุกผึ่งแดดเดียวแล้วโรยน้ำผึ้งและพริกไทยดำ รับประทานบ่อยๆ สุขภาพจะดี
ด้วยมีสมาชิกชมรมฯ ได้ไปฟังการบรรยายพิเศษของ คุณหมอพันธ์ศักดิ์ ศุกระฤกษ์ เห็นว่าดีมีประโยชน์ จึงสรุปส่งเนื้อหามาให้ผู้เขียนอ่าน ผู้เขียนเห็นว่า น่าจะเป็นประโยชน์แก่ผู้อื่นด้วย ผู้เขียนจึงเรียบเรียงเนื้อหาให้กระชับชัดเจนมากขึ้น ขอเชิญท่านหาความรู้จากบทความเรื่องนี้ได้ครับ
1. ดุลยภาพแห่งชีวิต
คือ ความสมดุลของชีวิต ย่อมมีทั้งชีวิตการงาน ชีวิตส่วนตัว ชีวิตในสังคม ชีวิตครอบครัว และสุขภาพ แต่ที่สำคัญที่สุด คือ สุขภาพ ถ้าสุขภาพเสียทุกสิ่งก็สูญสลาย
2. การแพทย์วิถีธรรมชาติ
อาจารย์หมอพันธ์ศักดิ์ฯ ในอดีตต้องทำงานหนักทั้งงานราชการ คลีนิค และครอบครัว ต้องตื่นตีห้าและเข้านอนห้าทุ่มล่วงเลยไปแล้ว ส่งผลให้เกิดโรคเครียด โรคกระเพาะอาหาร โรคภูมิแพ้ และความจำไม่ดี พออายุ 40 ปี จึงตัดสินใจลาออกจากราชการ แล้วไปเรียนการแพทย์วิถีธรรมชาติจากออสเตรเลีย นับจากนั้นมา อาจารย์หมอพันธ์ศักดิ์ฯ ไม่เคยเจ็บป่วยอีกเลย ปัจจุบันอาจารย์มีความสุขมาก ๆ และหน้าตาดูดีกว่าเมื่อ 10 ปีที่แล้วมาก
3. ทำอย่างไรให้สุขภาพดีไม่เจ็บป่วย
3.1 สุขภาพ คือภาพแห่งความสุข ร่างกายแข็งแรง จิตใจแจ่มใสเบิกบาน อยู่ในสังคมได้อย่างมีความสุข
3.2 อาหาร คือแหล่งพลังงานของชีวิต การรับประทานอาหารที่ทำให้สุขภาพดี ไม่เจ็บป่วยและอายุยืน จะต้อง กินอาหารเช้าอย่างราชา อาหารกลางวันอย่างคนธรรมดาและอาหารเย็นอย่างยาจก ดังนั้น อาหารเช้าจึงเป็นมื้อที่สำคัญที่สุด
3.3 อนุมูลอิสระ (Free radical) การรับประทานอาหารจะเกิดของเสียที่เรียกว่า อนุมูลอิสระหรือเรียกว่าประจุวิ่งหารัก หรือประจุขาดรัก วิ่งไปทั่วร่างกาย อวัยวะที่เล็กที่สุดในร่างกาย คือ เซล
เซลประกอบด้วย ผนังห้อง และแกนกลางเรียกว่า นิวเคลียส หรือ DNA นิวเคลียสเป็นพิมพ์เขียวที่ทำหน้าที่สร้างเซลใหม่ ส่วนอนุมูลอิสระจะเป็นตัวทำลายผนังห้องและนิวเคลียส ทำให้เซลเนื้อเยื่อเปลี่ยนแปลงไป แต่ร่างกายเราจะมีระบบภูมิคุ้มกัน ถ้าไม่ดูแลสุขภาพให้ดีภูมิคุ้มกันจะถูกทำลาย ทำให้เกิดมะเร็งและโรคต่างๆ เกิดขึ้นได้โดยง่าย
3.4 อาหารเช้า ควรรับประทาน คาร์โบไฮเดรท วิตามินบี และซี ถ้าไม่กินมื้อเช้าชีวิตจะเริ่มต้นด้วยความเป็นกรด (แลคติกแอซิค) ยกเว้นเรามียาวิเศษคือ การหัวเราะ เพราะขณะหัวเราะร่างกายจะเปลี่ยนเป็นด่าง หัวเราะ 1 ครั้ง อายุยืน 5 นาที อาหารเช้าที่ต่อต้านความเครียดในการทำงานได้แก่ วิตามินบี และซี ซึ่งไม่มีการเก็บสะสม เพราะละลายในน้ำได้หมด มื้อเช้าที่เร็วและง่าย คือ กล้วยหอม 1 ลูก+ส้ม 1 ลูก + นม 1 กล่อง (หรือ HOT CHOCOLATE) ในกล้วยหอมมีแมกนีเซียม และโปตัสเซียม ในส้มมีวิตามินซี โดยเฉพาะกากส้มขาว ๆ มีเส้นใยไฟเบอร์ชนิดไม่ละลายในน้ำ ที่สามารถช่วยดูดซึมพิษในร่างกายและขับออกไป กากส้มมีวิตามินซีมากกว่าน้ำส้ม ในนมมีสารทริบโตเฟน ทำให้กระปรี้กระเปร่า และ อารมณ์ดี
3.5 อาหารกลางวัน กินอะไรก็ได้ที่ชอบ เช่น แกงเขียวหวาน ขาหมู ก๋วยเตี๋ยว แต่ที่ เป็นอันตราย ต่อสุขภาพ คือ น้ำตาล และน้ำมัน ที่จะต้องพยายามหลีกเลี่ยง
3.6 อาหารเย็น ต้องกินพืชผักและผลไม้ เพื่อให้ได้ไฟเบอร์ ซึ่งเป็นสารต่อต้านอนุมูลอิสระ และชะลอความแก่ มื้อเย็นง่าย ๆ เช่น ผัดผัก 1 จาน + ส้มตำ 1 จาน + น้ำผลไม้ 1 แก้ว กินผักผลไม้วันละ ½ กก. จะทำให้แก่ช้า หรือดื่มน้ำผลไม้สดวันละ 3 แก้ว 3 สี แก้วละสี หรือผสมกันก็ได้ สุขภาพจะดีขึ้นมาก
คาร์โบไฮเดรท ทำหน้าที่ให้พลังงาน มีมากในแป้ง ข้าว ขนมปัง ก๋วยเตี๋ยว วิธีกินคาร์โบไฮเดรทไม่ให้อ้วน คือกินช้า ๆ เคี้ยวให้ละเอียด กินพออิ่ม ที่เหลือเก็บไว้กินในมื้อต่อไป หรือ พยายามกินเพียง 3 ใน 4 ส่วน ที่อยู่ในจาน แล้วหยุดกิน
วิตามินบี มีมากในธัญญพืช ลูกเดือย ข้าวกล้อง ถั่วเหลือง ถั่วแดง เต้าหู้
โปรตีน มีมากในเนื้อสัตว์ อายุเกิน 35 รับประทานโปรตีนพอประมาณ ถ้ามากจะทำให้ดูดซึมแคลเซียมไม่ดี เกิดโรคกระดูกผุ สัตว์ใหญ่ก่อนตายจะหลั่งสารแอดรีนาลิน (สารทุกข์) ผสมเข้าไปในกระแสเลือด จึงไม่ควรกินเลือดสัตว์อย่างยิ่ง อันตรายยิ่งนัก ให้เปลี่ยนไปกินปลาแทน เพราะย่อยง่ายและมีไขมันชั้นดี ทำให้การไหลเวียนของเลือดดี ป้องกันโรคหัวใจและสมองขาดเลือด แก้มปลามีแคลเซียมมากกว่าส่วนอื่น ควรกินปลาสัปดาห์ละ 3 มื้อ ก็เพียงพอแล้วอย่ากินทุกมื้อ เพราะจะทำให้เลือดออกไม่หยุด ชาวเอสกิโมโดนมีดบาดเลือดจะออกไม่หยุดเพราะกินปลาทุกมื้อ หญิงตั้งครรภ์ไม่ควรกิน Fish oil เพราะอาจทำให้ตกเลือด
แคลเซียม ในวัยทองต้องการแคลเซียมวันละ 1200-1500 มก. และควรกินปลาเล็กปลาน้อยเพื่อให้ได้แคลเซียมเพียงพอ
ผักขมฝรั่ง (spinach) มีธาตุสังกะสี เหล็ก และสารต่อต้านอนุมูลอิสระ ต้นไม้ที่มีเปลือกจะมีสารต่อต้านสิ่งแวดล้อมภายนอก เพราะต้นไม้อยู่กับที่ วิ่งหนีมลพิษไม่ได้ จึงมีเปลือกเพื่อป้องกันมลพิษ
น้ำตาล ต้องไม่ขัดสี เช่นน้ำตาลทรายแดง และน้ำตาลกรวด น้ำตาลทรายขาวมีสารขัดขาวซึ่งเป็นสารเร่งความเครียด ทำให้เครียดง่าย และเป็นอันตรายต่อสุขภาพ น้ำตาลเทียมดีกว่าน้ำตาลขัดสี แต่รสชาดไม่ดีเท่านั้น
ความจำเป็นในการกินอาหารให้ครบทั้ง 3 มื้อ
ถ้าวัยหนุ่มสาว ควรกินให้ครบ 3 มื้อ แต่ถ้าวัย 35 ขึ้นไป และวัยทอง ควรมีอาหารว่าง (snack) ที่ให้พลังงานไม่มากเป็นมื้อที่ 4 กินหลายมื้อได้ แต่ครั้งละ น้อย ๆ และเลือกอาหารที่ย่อยง่าย ข้อควรคำนึงคือ
กินอย่างอารมณ์ดี เช่นกินกับคนที่เรารัก กินช้าๆ เคี้ยวให้ละเอียดนึกถึงแต่ความสุข ถ้ากินมื้อละ15 นาที 3 มื้อ ก็เท่ากับเรามีความสุข 45 นาทีแล้ว และกินอย่างมีน้ำใจ นึกถึงชาวนาอย่ากินทิ้งกินขว้าง กินพอประมาณ อิ่มแล้วเลิก หรือจวนอิ่มแล้วหยุด
วิธีดื่มกาแฟ
- ต้องไม่ใช้ครีมเทียม เพราะครีมเทียมคือน้ำมันมะพร้าว ทำให้มันจุกอกตาย กาแฟ 3 อิน 1 ไม่ดี เพราะผสมครีมเทียม กาแฟดำมีอะโลม่า ดื่มแล้วอารมณ์ดี การไหลเวียนของเลือดดี
วิธีชงกาแฟ ใส่กาแฟ 1 ช้อนชา เติมนมอุ่น (Low fat) ½ แก้ว และน้ำตาล
วิธีดื่มกาแฟที่ดีที่สุด ต้องไม่ใส่อะไรเลย กาแฟเอสเปรสโซ่ดื่มรวดเดียวหมดจะหวานกว่าจิบทีละนิด ดื่มกาแฟวันละไม่เกิน 3 แก้ว ถ้าเกินจะดึงแคลเซียมจากไต มีอันตรายต่อสุขภาพ
การพักผ่อน หลักการพักผ่อนที่ดี มีหลายแบบ อาทิ
1. หนีความจำเจซ้ำซาก เช่นเที่ยวทุก 1 เดือน หรือเปลี่ยนทรงผมใหม่ มีคำกล่าวว่า เปลี่ยนที่(สถานที่) ได้ห้า เปลี่ยนหน้า (ใบหน้า ,ทรงผม) ได้สิบ อาจทำให้สบายใจมากขึ้น
2. มองโลกในแง่ดี เช่น มีน้ำ ½ แก้ว ต้องมองว่ายังเหลือน้ำอีกตั้ง ½ แก้ว ไม่ใช่น้ำหมดไปแล้วตั้ง ½ แก้ว อีกกรณีคือภรรยาของอาจารย์จะไม่ให้ความสำคัญที่จะต้องทราบว่าในแต่ละวันอาจารย์จะอยู่ที่ไหน ขณะเดียวกันอาจารย์เป็นฝ่ายต้องทราบว่าภรรยาอยู่ที่ไหนเพื่อกลับมาทำหน้าที่เทคแคร์ภรรยา ให้ทัน กรณีนี้ภรรยาจะไม่เกิดความทุกข์กังวลในการสอดส่องสามี ว่า ไปทำอะไรลับหลังภรรยา
3. Second job นอกจากงานหลักเพื่อเลี้ยงชีวิตและครอบครัวแล้ว ควรมีงานรองอย่างที่ 2 ที่เราชอบ ที่เราไม่คิดว่าเป็นงาน แต่ทำแล้วมีความสุข เช่น เขียนหนังสือ สอนหนังสือ หรือบรรยาย
การนอนหลับสนิท จะทำให้เกิดสารเมลาโทนินซึ่งเป็นสาร antioxidant ทำหน้าที่กำจัดของเสียที่เกิดขึ้นในตอนกลางวัน ปัจจุบันเมลาโทนินที่มีขายอยู่จะออกฤทธิ์เพียง 6 นาทีเท่านั้น แต่ร่างกายเราต้องการ 6 ชม. การนอนหลับสนิทได้คุณประโยชน์มากกว่า
การพักผ่อนที่ดีที่สุด บางครั้ง ได้แก่ การอยู่เฉย ๆ อยู่กับตัวเอง อย่าให้งานและสังคมมายุ่งเกี่ยว ทำอะไรก็ได้ที่ไม่ทำให้ใครเดือดร้อน เช่น ดูหนัง ฟังเพลง จิบชา ล่องเรือ ฟิตเนส หรือสปา การออกกำลังกายที่รักที่ชอบ ก็เป็นการพักผ่อนอย่างหนึ่ง
สรุปคำถามคำตอบ
1. นมกับน้ำเต้าหู้อะไรดีกว่ากัน
คนไทยประมาณ 1/3 หรือ 30% ไม่มีสารย่อยสลายนม ถ้าดื่มนมไม่ได้ให้กินโยเกิร์ตแทนเพราะมีประโยชน์โดยเฉพาะผู้หญิง ใช้ทาหน้าทำให้หน้าตึง และมีแลคโตไบซิไลท์ เข้าไปอยู่ในทางเดินอาหารและช่องคลอด ช่วยย่อยและไม่ติดเชื้อราที่ช่องคลอด น้ำเต้าหู้สกัดจากถั่วเหลือง มีฮอร์โมนไฟโตเอสโตรเจน ยับยั้งการเกิดมะเร็งเต้านมและมดลูก แต่น้ำเต้าหู้ไม่มีแคลเซียม ต้องกินเต้าหู้แข็งจึงได้แคลเซียม เต้าหู้ยิ่งแข็งยิ่งมีแคลเซียมสูง
2. แก้วมังกรทำให้เป็นมะเร็งหรือไม่
ไม่น่าจะใช่ ยังไม่เคยอ่านเจอ แก้วมังกรมาจากเวียดนาม มีไฟเบอร์สูง แคลอรี่ต่ำ ควรฟังหูไว้หู อย่าตระหนกเกินกว่าเหตุ วิธีแก้กินแก้วมังกรน้อยลง เพิ่มฝรั่งและแอปเปิ้ลแทน
3. ฮอร์โมนเพศหญิงในวัยทองทำให้เกิดมะเร็งหรือไม่
เป็นเพียงผลงานวิจัยของอเมริกาเท่านั้น โดยทำการทดลองกับกลุ่มหญิงที่เป็นโรคหัวใจ อ้วน และหน้าอกโต ซึ่งมีปัจจัยเสี่ยงต่อการเกิดโรคมะเร็งอยู่แล้ว โดยการให้ฮอร์โมนอยู่ชนิดเดียว ขนาดเดียว เกิน 5 ปี พบว่าปัจจัยเสี่ยงในการเป็นมะเร็งเพิ่มขึ้น 0.25%
4. โยเกิร์ตและสมูทตี้
หลักการของสมูทตี้ คือต้องการไฟเบอร์ไปช่วยดูดพิษ แต่โยเกิร์ตมีแลคโตไบซิไลท์อย่างเดียว ไม่มีไฟเบอร์ วิธีทำง่าย ๆ คือ โยเกิร์ต + น้ำผึ้ง + กล้วยหอม
5. การนอนให้ได้ประโยชน์
ควรนอนก่อน 4 ทุ่ม ในห้องที่ตกแต่งเหมือนโรงแรม mมีม่านติด 2 ชั้น เพื่อป้องกันแสง ควรตื่นเมื่อถึงเวลาตื่นมา ไม่ใช่ตื่นเพราะแสงแดดแยงตา ควรนอนในห้องที่มีความมืด ระบบฮอร์โมนจะทำงานปกติ การนอนในห้องที่มีแสงไฟไม่ดี เพราะฮอร์โมนจะสร้างในความมืดในขณะที่เรานอนหลับสนิท การงีบในตอนบ่ายดีในแง่ จะทำงานมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น
6. ออกกำลังกายตอนไหนดี
เวลาไหนก็ได้ที่เหมาะสมกับเราที่สุด อย่ายึดมั่นถือมั่นแล้วเราจะมีความสุข ตัวเราเองรู้เองออกกำลังกายตอนไหนก็ได้
ออกกำลังกายตอนเช้า ได้แสงแดดตอนเช้า ได้วิตามินดี กระดูกหนาขึ้น อาหารเช้าจะต้านสารอนุมูลอิสระที่เกิดจากการออกกำลังกายได้ พอหายเหนื่อยให้อาบน้ำอุ่นแล้วตามด้วยน้ำเย็น จะทำให้กล้ามเนื้อกระฉับกระเฉง ทำงานได้ดี
ออกกำลังกายตอนเย็น โดยมีอุปกรณ์ เช่น ใช้ไม้พลองประกอบ ทำให้กระดูกแขนไม่บาง ไม่โดนแสงแดด แต่การออกกำลังกายทำให้เกิดอนุมูลอิสระ วิธีแก้คือดื่มน้ำผลไม้สด 1 แก้ว ก่อนและหลังออกกำลังกาย จะต้านอนุมูลอิสระได้ การออกกำลังกายทำให้ร่างกายตื่นตัว จึงควรอาบน้ำเย็นก่อนแล้วตามด้วยน้ำอุ่น จะทำให้กล้ามเนื้อผ่อนคลาย และจะทำให้นอนหลับสบาย
7. น้ำมันประกอบอาหารชนิดไหนดี
น้ำมันมี 2 ชนิด คือชนิดกรดไขมันอิ่มตัว เช่น น้ำมันหมู วัว ไม่ควรกินเพราะไขมันจะไปอุดตามเส้นเลือด และชนิดกรดไขมันไม่อิ่มตัว เช่น น้ำมันมะกอก (ทนความร้อนได้ดีที่สุด) ทานตะวัน ข้าวโพด ฟักทอง ถั่วเหลือง ถ้าอยากให้หอมเมื่อปรุงอาหารเสร็จปิดไฟ แล้วค่อยใสน้ำมันงา เพราะเป็นน้ำมันที่ไหม้ง่าย จะทำให้อาหารมีความหอมมากขึ้น
8. พืชกับนมจากสัตว์อย่างไหนมีธาตุเหล็กมากกว่า
นมจากสัตว์มีธาตุเหล็กมากกว่า นมแพะ นมจามรีดีกว่านมวัวเพราะไขมันน้อยแต่ไม่ค่อยอร่อย นมวัวอร่อยแต่มีไขมันมากที่สุด วิธีแก้ดื่มนมวัวแบบพร่องมันเนยแทน
9. การทำดีท็อกซ์
หลักการคือนำกากอาหารใส่ในลำไส้ เช่น กาแฟ เพื่อทำให้สารพิษออกมา เสียเงินและทรมาน ควรทำดีท็อกซ์แบบชาวบ้านคือ กินมังสวิรัติสัปดาห์ละ 1 วัน อาจารย์จะดีท็อกซ์ทุกวันเสาร์โดยไม่กินเนื้อสัตว์ แต่จะต้มจับฉ่ายใส่เต้าหู้ ฟองเต้าหู้ และเห็ดหลาย ๆ ชนิด ใส่ผักขม คะน้า ไชเท้า กวางตุ้ง ใส่น้ำมันงา และพริกไทยดำ โดยกินให้หมดภายใน 1 วัน
10. กินกาแฟแล้วนอนไม่หลับ
วิธีแก้ คือ กินกาแฟ และนมอุ่น ๆ หรือกินกาแฟ + กล้วยหอม + เนยมาการีน หรือกินกาแฟดีคาเฟอีน(กาแฟที่มีแต่กลิ่นไม่มีสารคาเฟอีน) เพราะเราติดที่กลิ่น
11. นมเย็นกับนมอุ่นอย่างไหนดีกว่ากัน
สารอาหารเท่ากัน แต่นมอุ่นดีกว่า (55 องศา C) เพราะแตกตัวได้ทริบโตเฟน ทำให้อารมณ์ดี นมเย็นจะไม่แตกตัว วิธีอุ่นนม ให้เอาน้ำใส่แก้ว แล้วนำไปเข้าไมโครเวฟจนร้อนแล้วค่อยเอานมใส่
12. ผักผลไม้สดกับน้ำผักผลไม้คั้น
ดีทั้ง 2 อย่าง แต่ถ้าผักผลไม้สดต้องกินเป็นจำนวนมากเป็น กก. ถึงจะได้สารอาหารเพียงพอ แต่ถ้าคั้นเป็นน้ำ ดื่มเป็นแก้วพอไหว
13. อาหารรักษาโรคข้อ
ใช้ เซลารี่ 4 ก้านใหญ่ + แอปเปิ้ลหรือฝรั่ง + แครอท นำมาแยกกากดื่มวันละ 1 แก้ว ทุกวัน จะแก้โรคข้อ เข่าจะไม่เจ็บไม่ปวด หรือนำเซลารี่ไปผัดกับกุ้ง แต่ต้องกินให้ได้ 4 ก้านใหญ่ จึงจะเพียงพอ ดังนั้นนำไปแยกกากดีกว่า เซลารี่จะมีสรรพคุณแก้ปวดบวม แอปเปิ้ลหรือฝรั่งมีวิตามีซีช่วยเรื่องน้ำในข้อ ส่วนแครอทช่วยในเรื่องเยื่อเมือก
14. น้ำผลไม้แบบกล่อง
แทบจะไม่ได้สารอาหาร นอกจากกลูโคส ควรคั้น (แยกกาก) เองสด ๆ ดีที่สุด แล้วดื่มทันทีจะได้คุณค่ามาก หากต้องการดื่มแบบเย็น ให้นำน้ำแข็งใส่กาละมัง ใส่น้ำ แล้วนำผลไม้ลงไปล้างแล้วค่อยมาคั้น หรือนำแก้วเปล่าและผลไม้ไปแช่เย็นก่อนนำมาคั้นก็ได้
15. วิธีทานกล้วยหอมไม่ให้ลมขึ้น
ให้กินกล้วยห่าม ๆ จะไม่หวานและได้คาร์โบไฮเดรท ถ้าดิบหรือสุกเกินไปจะได้แต่น้ำตาล
16. การปั่นกับการแยกกาก (คั้น)
การปั่น เป็นการตีให้แตก จะทำให้สารอนุมูลอิสระออกมา ไม่ดี แต่การแยกกาก เป็นการแยกน้ำและแยกกากออกจากัน ได้คุณค่ามากกว่า แต่การแยกกากจะไม่ได้ไฟเบอร์ ถ้าต้องการไฟเบอร์ให้ตักกากมากินก็ได้ หรือ เอากากมาปั้นเป็นก้อนกินชดเชยได้
17. น้ำโซดาล้างท้องได้หรือไม่
โซดาเป็นน้ำด่าง มีข้อดีคือ ถ้าในท้องมีกรดมาก โซดาจะทำให้เกิดความสมดุลและสบายท้อง แต่ถ้าท้องมีแก๊ส โซดาจะทำให้ท้องอืด ถ้ากินแล้วสบายดีก็กินต่อไปได้
18. อาหารที่กินแล้วผมไม่หงอก
ไม่มี ถ้าอยากหายต้องใส่วิก ผมหงอกเกิดจากกรรมพันธุ์ และความเครียด อาหารและแร่ธาตุที่ช่วยให้ผมหงอกช้า ได้แก่ วิตามินบี และซี สังกะสี (zinc) แต่ควรกิน zinc อะมิโน ครีเรท อย่ากินzinc ซัลเฟรด เพราะกัดกระเพาะ หรือกินอาหารเสริม เช่น เซ็นทรัม แบลคมอร์ จะช่วยให้เส้นผมดำขึ้น
19. การย้อมผมกับมะเร็ง
การย้อมผมทำให้บุคลิกดีขึ้นมีความสุข เลือกใช้ยาย้อมผมที่ไม่มีสารโลหะหนักผสม เช่น ตะกั่ว ถ้าไม่มีสารตะกั่วก็ไม่เป็นไร เวลาย้อมให้ปิดตาและจมูกให้ดี อาจใช้แบบสเปรย์ก็ได้
20. ประโยชน์ของน้ำสมุนไพร (HERB)
คือ พืชผักผลไม้ จึงมีคุณค่าทางยาแล้วแต่ชนิด เช่น เครนเบอรี่ หรือ กระเจี๊ยบ จะมีสรรพคุณทางยาช่วยเรื่องการอักเสบในกระเพาะปัสสาวะ หรือนิ่วในไต เป็นต้น
21. ตำราอาหารสำหรับผู้ชาย
กินกล้วย + น้ำผึ้ง + พริกไทยดำ จะทำให้หลับสบาย ถ่ายสะดวก วิธีทำ ใช้กล้วยน้ำว้าหรือกล้วยหักมุกผึ่งแดดเดียวแล้วโรยน้ำผึ้งและพริกไทยดำ รับประทานบ่อยๆ สุขภาพจะดี
Thursday, January 18, 2007
คุ้กกี้ ๑ ห่อ กับการตัดสินคน
> คุกกี้ 1 ห่อกับการตัดสินคน>>>>>> ..........คุกกี้ 1 ห่อกับการตัดสินคน..........>>>> ที่สนามบินนานาชาติระดับโลก มีนักธุรกิจหญิงแต่งตัวดี จำเป็นต้องรอเวลาถึง 3>> ชั่วโมงในการเปลี่ยนเครื่องบินเพื่อไปจุดหมายปลายทาง >> เธอจึงตัดสินใจเดินไปซื้อหนังสือ 1 เล่ม>>>และคุ๊กกี้ 1 ห่อ และเตรียมหาที่นั่งเพื่ออ่านและกิน ฆ่าเวลาไปพลาง ๆ>>>เธอสอดส่ายมองหาที่นั่งได้ 1 แห่ง เมื่อนั่งลงก็เตรียมหนังสือและคุ๊กกี้>>>เพื่ออ่านและกินไปพลาง ๆ เธอสังเกตเห็นว่าข้าง ๆ เธอมีชายหนุ่มคนหนึ่ง>>>นั่งเหยียดกายอย่างไม่สนใจว่าจะมีใครนั่งอยู่ข้าง ๆ เขา>>>สักครู่หนึ่ง ขณะที่เธออ่านหนังสือ ชายหนุ่มก็หยิบขนมคุ๊กกี้ออกจากถุง>>>ซึ่งวางอยู่ระหว่างคนทั้งสอง แล้วกินมันอย่างละชิ้น>>>เธอมองด้วยความโกรธแต่ไม่ต้องการทำเรื่องวุ่นวาย >>>เธอจึงทำเป็นไม่สนใจเธอเริ่มรู้สึกเบื่อที่จะกินคุ๊กกี้และเฝ้ามองนาฬิกาในขณะที่ชายหนุ่มซึ่งเป็นผู้ขโมยไร้ยางอาย >>>กำลังกินมันให้หมดสิ้นไป>>>เธอเริ่มโมโหและคิดในใจว่า>>>"ถ้าฉันไม่ใช่ผู้ดีมีการศึกษาแล้วละก็....ฉันจะชกหน้าเจ้าหมอนี้ให้แหลกไปเลย"ทุกครั้งที่เธอหยิบกิน >>>1 ชิ้น ชายหนุ่มก็หยิบมันกิน 1 ชิ้นทั้งสองส่งสายตามองกัน >>>เมื่อคุ๊กกี้เหลือเพียงชิ้นสุดท้าย>>>เธอหยุดและอยากรู้ว่าชายหนุ่มจะทำอย่างไร>>>ชายหนุ่มค่อย ๆ หยิบคุ๊กกี้ชิ้นสุดท้ายแล้วหักออกเป็น 2 ชิ้น>>>ส่งให้เธอครึ่งชิ้นและกินเองครึ่งชิ้น>>>เธอรับจากชายหนุ่มอย่างรวดเร็วและคิดในใจว่า"เขาช่างเป็นคนไร้มารยาทสุดๆช่างไร้การศึกษา >>>ไม่มีแม้แต่พูดขอบคุณสักคำ"เธอลุกขึ้นหยิบข้าวของทั้งหมดแล้วตรงไปยังประตูขึ้นเครื่อง>>>ไม่แม้แต่เหลียวหลังกลับมามองหัวขโมยผู้ไร้มารยาทซึ่งยังนั่งอยู่ที่เดิม>>>ภายหลังจากขึ้นเครื่องและนั่งประจำที่อย่างสบายแล้วเธอก็หยิบหนังสือที่อ่านค้างอยู่ขึ้นมาอีกครั้ง>>>ในขณะที่หยิบหนังสือจากกระเป๋า ก็พบว่ามีขนมคุ๊กกี้ 1 >>>ห่อเธอตกใจมากถ้าคุ๊กกี้ของฉันยังอยู่ที่นี่ >>>ก็แปลว่า.....คุ๊กกี้ห่อนั้นเป็นของชายหนุ่มที่แบ่งให้เธอกินเธอลุกขึ้นทันที>>>แล้ววิ่งออกจากเครื่องบินไปยังที่นั่งของชายหนุ่ม>>>แต่คงเหลือแต่ที่นั่งว่างเปล่ามันสายไปเสียแล้วที่จะได้ขอโทษชายหนุ่ม>>>>>>ระหว่างเดินกลับเข้าเครื่อง >>>เธอรู้สึกเจ็บปวดหัวใจเธอนั่นเองที่ไร้มารยาทเป็นหัวขโมยที่ไร้การศึกษาตัวจริง..........มีกี่ครั้งในชีวิตของคนเรา >>>ที่ค้นพบในภายหลังว่า>>>"สิ่งที่เกิดขึ้นนั้นมันไม่ใช่เรื่องจริง มันเป็นการเข้าใจผิด>>>มีกี่ครั้งในชีวิตที่เราขาดความไว้วางใจผู้อื่น>>>และทำให้เราตัดสินผู้อื่นจากความคิดเย่อหยิ่งของเราเอง >>>ซึ่งห่างไกลจากความเป็นจริงมากมาย"..........นี่แหละที่ทำให้เราต้องคิดซ้ำแล้วซ้ำอีกก่อนตัดสินผู้อื่น>>>หลาย ๆ สิ่งไม่ได้เป็นอย่างที่เห็น ควรมองผู้อื่นในแง่ดี >>>แล้วคอยสงสัยตัวเองว่า"เรามองโลกในแง่ดีพอแล้วหรือยัง?เราเคยแบ่งปันอะไรแก่คนอื่นบ้างหรือไม่"..........>>>>
Wednesday, January 17, 2007
ไม่อยากให้ได้ลอง แต่ถ้าได้ผลบอกกันด้วยนะคะ
Subject: รหัส ATM ที่คุณควรรู้ไว้
ถ้าคุณถูกบังคับ ข่มขู่เงินจากโจรผู้ร้าย ให้กดเงินให้คุณผ่าน ATM ให้คุณกด รหัส กลับกัน เช่น รหัสของคุณคือ 1234 แต่ให้คุณกด 4321 แทน เครื่องจะออกเงินมาให้คุณตามจำนวนที่คุณเบิก โจรจะไม่ทราบ แต่ตำรวจจะทราบแล้วจะเข้าช่วยเหลือคุณ ข้อมูลนี้ถูกเผยแพร่ผ่านรายการโทรทัศน์ และถูกยืนยันว่าวิธีการนี้ถูกใช้น้อยมาก เพราะว่าคนไม่รู้มีวิธีการอย่างนี้
ถ้าคุณถูกบังคับ ข่มขู่เงินจากโจรผู้ร้าย ให้กดเงินให้คุณผ่าน ATM ให้คุณกด รหัส กลับกัน เช่น รหัสของคุณคือ 1234 แต่ให้คุณกด 4321 แทน เครื่องจะออกเงินมาให้คุณตามจำนวนที่คุณเบิก โจรจะไม่ทราบ แต่ตำรวจจะทราบแล้วจะเข้าช่วยเหลือคุณ ข้อมูลนี้ถูกเผยแพร่ผ่านรายการโทรทัศน์ และถูกยืนยันว่าวิธีการนี้ถูกใช้น้อยมาก เพราะว่าคนไม่รู้มีวิธีการอย่างนี้
Monday, January 15, 2007
ภูมิใจในความดี
ไม่อยากเรียกว่าลำบากเพราะเรามีความสุขและ เต็มใจทำ เราเป็นลูกคนเล็ก มีพี่ 2 คน แม่รับจ้างทอดหมึกอยู่หน้าเตาร้อนๆ ค่าแรงวันละ 50บาท พ่อถีบสามล้อรายได้ไม่แน่นอนที่บ้านมีหม้อหุงข้าว ไฟฟ้า 1 ใบ แล้วก็กระทะจาน ชามเท่านั้น เครื่องครัวอื่นๆไม่มี แม่เลิกงาน ตอน 3 ทุ่ม พ่อจะแวะกลับมา ตอน 6 โมงเย็น เพื่อดูว่าลูกกินข้าวเรียบร้อยหรือยังแล้วก็ออกไปถึบรถต่อแล้วก็เลยรับแม่กลับมา พี่สาวที่อายุมากกว่าเรา 3 ปี เป็นคนทำกับ ข้าวตอนนั้นเรา 6 ขวบ คอยเป็นลูกมือทำทุกอย่างที่พี่สั่ง กินข้าวเสร็จก็เก็บล้างจาน แบ่งข้าวและ กับส่วนนึงไว้ให้พ่อกับแม่ โดยต้องรองน้ำใต้จานให้ดีๆไม่งั้นแม่กับพ่อ ต้องกินข้าวพร้อมมดง่ะซักเสื้อ กระโปรงเอง ไม่ต้องซักถุงเท้า ไม่ต้องรีดเสื้อเพราะไม่มีรองเท้าแล้วก็ไม่มีเตารีด เสื้อนักเรียนขอบริจาคมาตอนวันเด็ก หนังสือยืมโรงเรียน (โรงเรียนวัดแหลม สุวรรณาราม)ไม่เคยมีค่าขนมไปโรงเรียน กินข้าวฟรีที่เค้า ให้เด็กยากจนกินน่ะเราเริ่มหาเงินก้อนแรกในชีวิต ด้วยวัย 6 ขวบนี่แหละ ตอนนั้นพ่อขาหัก( ถูกคนที่นั่งมาใน 3 ล้อ เอาไม้ หน้า 3 ตี ด้วยเหตุเบี้ยวค่าโดยสารในราคา5 บาท) พ่อไม่ได้นอนโรงพยาบาล แต่มารักษาที่บ้านเพราะเงินเราไม่มีวันนั้นข้างบ้านเค้ารับจ้างแกะหอยแครงต้ม เรา 3 คนพี่น้อง ก็ไปนั่งแกะ อยากได้เงิน น่ะ นั่งแกะกับพื้นแฉะๆ (มันเมื่อยน่ะไม่มีโต๊ะเหมือนคนอื่นเค้า) ตั้งแต่ 5 โมงเย็น ถึง 4 ทุ่ม เราง่วงมากยุง กัดตัวก็แฉะๆแต่มันไม่เท่ามือ มือมันเลือดออกแกะไม่เป็นแล้ว เรา ก็รู้สึกว่ามันแกะยากแต่ก็ พยายามนะ เพราะอยากได้เงิน รู้สึกว่าถ้าได้เงินแม่คงดีใจแล้วพ่อก็จะมีเงินซื้อยากิน ตกลงคืนนั้น เราได้ค่าแกะหอยแครง เป็นเงิน 7 บาท วิ่งกลับบ้านพร้อมพี่ๆด้วยความดีใจ ลืมมือที่เจ็บไปเลย กลับบ้าน แม่ยืนรออยู่หน้าบ้านก็เอาเงิน 7 บาทยื่นให้แม่ ตอนนั้นร้องไห้ไม่รู้หรอก.. เห็นแม่ร้องก็ร้องตาม แม่เอามือไป จูบ..แล้วเช็ดเลือดที่มันซิบๆอยู่ในมือ.แม่บอกพรุ่งนี้ไม่ต้องไปรับจ้างแล้วแค่นั้น. หลังจากวัน นั้น 3 คนพี่น้อง เริ่มคิดเราจะ ทำไงให้ได้เงินเราก็ไม่รู้หรอก ตามพี่ไปเรื่อยๆตอนเย็นหลัง เลิกเรียน ก็ไปรับจ้างแกะกุ้ง อันนี้สบาย หน่อยเพราะไม่เจ็บมือ จนถึง 2 ทุ่ม เสาร์ อาทิตย์ ทำได้ทั้งวันไปตัดปลาปั๊กกัง ตัด 1 กิโลได้ 50 สตางค์ ถ้าปลาไม่มีก็ไปเก็บขวดพลาสติกตามถังขยะขายถ้าวันไหนแม่หยุดก็ทำขนมข้าว เกรียบปากหม้อไปเดินขายตามบ้านถูกหมาไล่กัด บ้าง ถูกเจ้าของบ้านไล่บ้างมีครั้งนึง ที่ไปเก็บขยะ ถูกเจ้าของบ้านจับตัว หาว่าเป็นเด็กจรจัดไปขโมยของเค้า สรุปก็คือ วันนั้นขวดพลาสติกที่เก็บได้ถูกยึดไปหมด เลย 3 คนพี่น้องเดินคอตกกลับบ้านแล้วหลังจากนั้นแม่ก็ไม่ให้เก็บอีก.. ก็เป็นอย่างนี้จนเราจบ ป.6พอขึ้น ม.1 แม่ออกมาขายอาหาร เพราะคิดว่า เงิน 50 ส่งลูก เรียนไม่ได้แน่ๆ อ้อเราเป็นคนเดียวที่ทางบ้านส่งเรียนหนังสือพ่อเปลี่ยนมาเป็นออกเรือประมง...แล้วก็ เปลี่ยนมาทำอวนเครื่องมือจับปลา....... ลูกๆ 3 คนตื่น ตี 3 ครึ่งเพื่อมา เป็นลูกมือแม่ในการเตรียมของขาย
ช่วงเวลา 3 ปีหลังจากนี้ ชีวิตเปลี่ยน....จากที่แม่ขายของวันแรกขาดทุน 119 บาทวันนี้แม่ได้กำไรวันละ 2500-3000 บาท พ่อที่เคยโดนโกงค่าถีบสามล้อ ในราคา 5 บาท ทุกวันนี้เป็นเจ้าของกิจการ(เครื่องมือจับปลา) ที่มีกำไรเดือนละมากกว่า7 หมื่น พี่ชายพี่สาวที่ไม่ได้เรียนหนังสือ กลับไปเรียนแบบศึกษา ผู้ใหญ่มีการมีงานเป็นหลักแหล่งทุกวันนี้ที่บ้าน มี รถ 4 คัน กะบะ 1 เก๋ง 2 และแวน อีก 1 มีข้าวของทุกอย่าง ครบ(ซึ่งบางทีอาจจะเกินความจำเป็น) แล้วเด็กจากโรงเรียนวัด ที่ไม่เคยมีเสื้อ และหนังสือรองเท้า เป็นของตัวเอง ทุกวันนี้ จบปริญาตรีจากมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ คณะศิลปศาสตร์ ทำงานเป็นนักข่าวมาแล้ว 2 ปี เป็นชีวิตจริงที่เกิดขึ้น
ตอนนี้มี ธุรกิจเล็กๆเป็นของตัวเองและกำลังจะเรียนต่อ ป.โท... แล้วปล.ยาวไปป่าวเนี่ย แต่อยาก เล่า พ่อสอนเสมอว่าให้เป็น คนดี จนแค่ไหนอย่าอาย ถ้าจะอายก็อายที่เป็นคนไม่ดี พ่อบอก ทำดีสะสมไว้ แล้วเราจะมีความสุข อย่างน้อย..ก็ ที่หัวใจของเราเอง..-- http://services.nexodyne.com/email/icon/.XAJRCzv/k9gnaCY%3D/R01haWw%3D/0/image.png
ช่วงเวลา 3 ปีหลังจากนี้ ชีวิตเปลี่ยน....จากที่แม่ขายของวันแรกขาดทุน 119 บาทวันนี้แม่ได้กำไรวันละ 2500-3000 บาท พ่อที่เคยโดนโกงค่าถีบสามล้อ ในราคา 5 บาท ทุกวันนี้เป็นเจ้าของกิจการ(เครื่องมือจับปลา) ที่มีกำไรเดือนละมากกว่า7 หมื่น พี่ชายพี่สาวที่ไม่ได้เรียนหนังสือ กลับไปเรียนแบบศึกษา ผู้ใหญ่มีการมีงานเป็นหลักแหล่งทุกวันนี้ที่บ้าน มี รถ 4 คัน กะบะ 1 เก๋ง 2 และแวน อีก 1 มีข้าวของทุกอย่าง ครบ(ซึ่งบางทีอาจจะเกินความจำเป็น) แล้วเด็กจากโรงเรียนวัด ที่ไม่เคยมีเสื้อ และหนังสือรองเท้า เป็นของตัวเอง ทุกวันนี้ จบปริญาตรีจากมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ คณะศิลปศาสตร์ ทำงานเป็นนักข่าวมาแล้ว 2 ปี เป็นชีวิตจริงที่เกิดขึ้น
ตอนนี้มี ธุรกิจเล็กๆเป็นของตัวเองและกำลังจะเรียนต่อ ป.โท... แล้วปล.ยาวไปป่าวเนี่ย แต่อยาก เล่า พ่อสอนเสมอว่าให้เป็น คนดี จนแค่ไหนอย่าอาย ถ้าจะอายก็อายที่เป็นคนไม่ดี พ่อบอก ทำดีสะสมไว้ แล้วเราจะมีความสุข อย่างน้อย..ก็ ที่หัวใจของเราเอง..-- http://services.nexodyne.com/email/icon/.XAJRCzv/k9gnaCY%3D/R01haWw%3D/0/image.png
Tuesday, January 09, 2007
Subscribe to:
Posts (Atom)