Thursday, January 18, 2007

คุ้กกี้ ๑ ห่อ กับการตัดสินคน

> คุกกี้ 1 ห่อกับการตัดสินคน>>>>>> ..........คุกกี้ 1 ห่อกับการตัดสินคน..........>>>> ที่สนามบินนานาชาติระดับโลก มีนักธุรกิจหญิงแต่งตัวดี จำเป็นต้องรอเวลาถึง 3>> ชั่วโมงในการเปลี่ยนเครื่องบินเพื่อไปจุดหมายปลายทาง >> เธอจึงตัดสินใจเดินไปซื้อหนังสือ 1 เล่ม>>>และคุ๊กกี้ 1 ห่อ และเตรียมหาที่นั่งเพื่ออ่านและกิน ฆ่าเวลาไปพลาง ๆ>>>เธอสอดส่ายมองหาที่นั่งได้ 1 แห่ง เมื่อนั่งลงก็เตรียมหนังสือและคุ๊กกี้>>>เพื่ออ่านและกินไปพลาง ๆ เธอสังเกตเห็นว่าข้าง ๆ เธอมีชายหนุ่มคนหนึ่ง>>>นั่งเหยียดกายอย่างไม่สนใจว่าจะมีใครนั่งอยู่ข้าง ๆ เขา>>>สักครู่หนึ่ง ขณะที่เธออ่านหนังสือ ชายหนุ่มก็หยิบขนมคุ๊กกี้ออกจากถุง>>>ซึ่งวางอยู่ระหว่างคนทั้งสอง แล้วกินมันอย่างละชิ้น>>>เธอมองด้วยความโกรธแต่ไม่ต้องการทำเรื่องวุ่นวาย >>>เธอจึงทำเป็นไม่สนใจเธอเริ่มรู้สึกเบื่อที่จะกินคุ๊กกี้และเฝ้ามองนาฬิกาในขณะที่ชายหนุ่มซึ่งเป็นผู้ขโมยไร้ยางอาย >>>กำลังกินมันให้หมดสิ้นไป>>>เธอเริ่มโมโหและคิดในใจว่า>>>"ถ้าฉันไม่ใช่ผู้ดีมีการศึกษาแล้วละก็....ฉันจะชกหน้าเจ้าหมอนี้ให้แหลกไปเลย"ทุกครั้งที่เธอหยิบกิน >>>1 ชิ้น ชายหนุ่มก็หยิบมันกิน 1 ชิ้นทั้งสองส่งสายตามองกัน >>>เมื่อคุ๊กกี้เหลือเพียงชิ้นสุดท้าย>>>เธอหยุดและอยากรู้ว่าชายหนุ่มจะทำอย่างไร>>>ชายหนุ่มค่อย ๆ หยิบคุ๊กกี้ชิ้นสุดท้ายแล้วหักออกเป็น 2 ชิ้น>>>ส่งให้เธอครึ่งชิ้นและกินเองครึ่งชิ้น>>>เธอรับจากชายหนุ่มอย่างรวดเร็วและคิดในใจว่า"เขาช่างเป็นคนไร้มารยาทสุดๆช่างไร้การศึกษา >>>ไม่มีแม้แต่พูดขอบคุณสักคำ"เธอลุกขึ้นหยิบข้าวของทั้งหมดแล้วตรงไปยังประตูขึ้นเครื่อง>>>ไม่แม้แต่เหลียวหลังกลับมามองหัวขโมยผู้ไร้มารยาทซึ่งยังนั่งอยู่ที่เดิม>>>ภายหลังจากขึ้นเครื่องและนั่งประจำที่อย่างสบายแล้วเธอก็หยิบหนังสือที่อ่านค้างอยู่ขึ้นมาอีกครั้ง>>>ในขณะที่หยิบหนังสือจากกระเป๋า ก็พบว่ามีขนมคุ๊กกี้ 1 >>>ห่อเธอตกใจมากถ้าคุ๊กกี้ของฉันยังอยู่ที่นี่ >>>ก็แปลว่า.....คุ๊กกี้ห่อนั้นเป็นของชายหนุ่มที่แบ่งให้เธอกินเธอลุกขึ้นทันที>>>แล้ววิ่งออกจากเครื่องบินไปยังที่นั่งของชายหนุ่ม>>>แต่คงเหลือแต่ที่นั่งว่างเปล่ามันสายไปเสียแล้วที่จะได้ขอโทษชายหนุ่ม>>>>>>ระหว่างเดินกลับเข้าเครื่อง >>>เธอรู้สึกเจ็บปวดหัวใจเธอนั่นเองที่ไร้มารยาทเป็นหัวขโมยที่ไร้การศึกษาตัวจริง..........มีกี่ครั้งในชีวิตของคนเรา >>>ที่ค้นพบในภายหลังว่า>>>"สิ่งที่เกิดขึ้นนั้นมันไม่ใช่เรื่องจริง มันเป็นการเข้าใจผิด>>>มีกี่ครั้งในชีวิตที่เราขาดความไว้วางใจผู้อื่น>>>และทำให้เราตัดสินผู้อื่นจากความคิดเย่อหยิ่งของเราเอง >>>ซึ่งห่างไกลจากความเป็นจริงมากมาย"..........นี่แหละที่ทำให้เราต้องคิดซ้ำแล้วซ้ำอีกก่อนตัดสินผู้อื่น>>>หลาย ๆ สิ่งไม่ได้เป็นอย่างที่เห็น ควรมองผู้อื่นในแง่ดี >>>แล้วคอยสงสัยตัวเองว่า"เรามองโลกในแง่ดีพอแล้วหรือยัง?เราเคยแบ่งปันอะไรแก่คนอื่นบ้างหรือไม่"..........>>>>

No comments: