Wednesday, July 11, 2007

ผีเสื้อ

ชายคนหนึ่งพบรังไหมของตัวอ่อนผีเสื้อ เขาเฝ้าจับตาความคืบหน้ามาตลอด กระทั่งได้เห็นรอยปริขนาดเล็กปรากฏอยู่ที่ผิวภายนอก ชายคนนั้นจึงนั่งลงและเฝ้าจับตามองความเคลื่อนไหว ของตัวอ่อนผีเสื้ออยู่นานหลายชั่วโมง

เขาเห็นมันพยายามดิ้นรนจะพ้นจากช่องเล็ก ๆ ของรังไหมให้ได้ แต่เมื่อไม่สำเร็จ เจ้าตัวน้อยก็หยุดการเคลื่อนไหว เหมือนจะยอมรับว่าไม่อาจขืนทำอะไรไปมากกว่านั้น

เมื่อตัดสินใจได้ว่าจะช่วยตัวอ่อนแล้ว ชายคนนั้นจึงหยิบกรรไกรขึ้นมาตัดเปิดช่องรังไหม จนกว้างพอที่ตัวอ่อนจะสามารถออกมาได้อย่างง่ายดาย ตัวอ่อนผีเสื้อน้อยจึงออกมาเผชิญโลกทั้งสภาพร่างกายบวมกลม ตรงข้ามกับปีกที่มีขนาดเล็กนิดเดียว !

แต่เขาก็เฝ้าจับตามองตัวอ่อนนั้นต่อไป ด้วยความหวังว่าอีกไม่ช้า ปีกของมันจะขยายใหญ่ขึ้น และแข็งแรงพอจะพยุงร่างกายมันได้เมื่อถึงเวลาอันควร แต่เมื่อเวลาผ่านไป กลับไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลง !

ผีเสื้อน้อยต้องเดิน และคลานไปมาทั้งชีวิต ด้วยสภาพร่างกายบวมกลม และ ปีกแห้งเล็กที่ไม่มีโอกาสจะบินได้ ภายใต้การดูแลอย่างอ่อนโยนของชายผู้หวังดี

สิ่งที่ชายคนนี้ไม่เคยเข้าใจก็คือ ธรรมชาติได้กำหนดมาแล้วว่า ตัวอ่อนจะออกไปเผชิญโลกได้ ก็ต่อเมื่อของเหลวในร่างกายลดน้อยลง จนลำตัวมีขนาดสมดุลกับปีกเท่านั้น จึงจะสามารถลอดออกจากช่องว่างขนาดเล็กของรังไหมได้สำเร็จ และถ้าตัวอ่อนได้ผ่านการดิ้นรนจนถึงเวลานั้น มันจึงจะเติบโตเป็นผีเสื้อที่พร้อมโบกบินจากรังได้อย่างอิสระโดยแท้

การมีชีวิตอยู่โดยไม่ต้องผ่านอุปสรรคใด ๆ เลย จึงมีแต่จะทำให้เราพิการและไม่แข็งแรง การดิ้นรนฝ่าฟันอุปสรรคต่างหาก ที่เป็นหัวใจสำคัญของการดำเนินชีวิต ซึ่งจะช่วยให้เรายืนหยัดอยู่ได้อย่างแข็งแกร่ง

เพราะอย่างนั้นภูมิใจกับการดิ้นรนในวันนี้เถอะ ถ้าคุณหวังจะไปให้ถึงวันดี ๆ ของชีวิตที่สามารถโบยบินได้อย่างเสรี...

Friday, June 22, 2007

Monday, June 04, 2007

บทกวีดอกไม้บาน


ซึ้ง

โตแล้ว
ไม่ต้องป้อนข้าว
อ่านกวีนิพนธ์แล้ว
ไม่ต้องอธิบาย

ถึง

เดินทีละก้าว
กินข้าวทีละคำ
มาลัยงดงาม
ร้อยทีละกลีบ
ใจเย็นๆ
ขณะนี้เรามาถึงแล้ว

ลัทธิ

'ลัทธิ' คือความคลั่งไคล้ของซาตาน
มุ่งประหารหมู่มนุษย์

'ศาสนา' คือความรักของพระเจ้า
มุ่งปกป้องมวลมนุษย์

เพื่อน

ผนังสีดำ จิ้งจกทำตัวสีดำ
ผนังสีขาว จิ้งจกทำตัวสีขาว
เพื่อนเลว พาเราสู่ทางเสื่อม
เพื่อนดี พาเราสู่ทางเจริญ

สลัว

ผีตากผ้าอ้อมไม่นาน
ภูตพรายออกหาเหยื่อ
คนผู้คดโกง
หากินอยู่ในมุมมืด

หยาบ

ทางขรุขระ
อย่าหวังให้ราชรถมาวิ่ง

คนหยาบช้า
อย่าหวังให้บัณฑิตมาเยือน

อีกา

กา กา กา กา
อีกาจับกิ่งไม้ตาย
คนโง่ชอบอวดตัว
ป่าวประกาศให้ผู้คนสนใจ

แก่น

ไม้เนื้อแข็งมีแก่น
แต่เปลือกบาง
คนดีมีฝีมือ
ไม่โอ้อวด

มือเปล่า

ยามเช้าเดินไปสะพานท่าแดง
คนกวาดถนนเก็บขยะกองโต
ชาวประมงขนปลาจากเรือ
เรายังเดินมือเปล่า

ใส่กรอบ

ทั้งวัน นั่งเรียนในกรอบสี่เหลี่ยม
ตอนเย็น เรียนพิเศษในกรอบสี่เหลี่ยม
กลางคืน ชมละครจากกรอบสี่เหลี่ยม
ล้มนอน บนกรอบสี่เหลี่ยม แล้วหลับฝัน

ข้าวสุก

ข้าวเปลือกขัดสี
แล้วเป็นข้าวสาร
ข้าวสารหุงสุก
แล้วเป็นข้าวสวย
เด็กกินข้าว
แล้วก็เติบโต
เติบโตให้สวย
อย่าให้เสียข้าวสุก

ผิงไฟ

เข้าใกล้ไฟ
ถูกไฟไหม้
อยู่ห่างไกล
กลับหนาวเย็น
ปรารถนาไออุ่นจากมิตรภาพ
ต้องห่างอีกนิด
ชิดอีกหน่อย

พลาดพลั้ง

นกเขาไฟบินชนกระจก
พลัดลงมาตาย
ชีวิตพลาดพลั้ง
เพราะมองไม่เห็น

รอ

มองห่างไกล เห็นภูเขางดงาม
พอเข้าใกล้ พบหน้าผาสูงชัน ยากป่ายปีน
ยิ้มให้กันทุกวัน มิตรภาพงดงาม
รอให้เรียนจบ แล้วค่อยหมั้นหมาย

ดินสอหัก

ดินสอหัก
เขียนให้สวยได้ยาก
นักเรียนอกหัก
ยากที่จะเรียนได้ดี

ดินดี

ผืนพสุธาล้วนแต่เป็นดินดี
เพียงแต่ว่า เหมาะจะปลูกพืชชนิดใด
เด็กทุกคนล้วนแต่เรียนดี
เพียงแต่ว่า เหมาะจะเรียนอะไร

ทราย

ก่อกองทรายไว้ริมทะเล
เขียนอักษรบอกความรัก
เธอยังมาไม่ถึง
คลื่นละลายไปสิ้น

น้ำใหญ่

นกกะพังร้องอยู่ริมป่า
น้ำใหญ่กำลังมา
อุตส่าห์ถ่อเรือไปกลางน้ำ
ดอกลำพูยังไม่บาน

หุ้มห่อ

ชาวสวนหุ้มห่อผลไม้
ป้องกันแมลงและหนอนชอนไช
เด็กๆ แต่งเครื่องแบบนักเรียน
ป้องกันความชั่วร้ายกล้ำกลาย

จริยธรรม

บางคนบอกว่า "อย่าทำ"
บางคนบอกว่า "จงทำ"

แต่ "จริยธรรม" ที่ฉันรู้จัก
คือการดำเนินชีวิตให้งาม

นักเรียน

นักเรียน
ต้องเรียนให้รู้

นักรัก
ต้องรักให้เป็น

นักเลง
ท้าทาย เอาชนะ

อย่างแรกเท่านั้น หน้าที่ของเรา

ชม

ชมทิวทัศน์ยามค่ำคืน
มองเห็นเพียงรางราง
ดูใจเธอยามหม่นหมอง
ยากที่จะมองเห็น

ขึ้น-แรม

จันทร์แจ่ม
ดาวก็จาง
พอดาวชัด
จันทร์หลบหาย
ยามฉันรัก
เธอก็ไป
ยามฉันหน่าย
เธอก็มา

ดอกไม้

หนอนกินใบไม้จนแหว่งวิ่น
ละเว้นดอกไม้เอาไว้ดูงาม
หนุ่มรักสาว รักมากมาย
ทะนุถนอมเธอไว้ ทั้งดอกทั้งใบ

สภาพ

ปลาเสียด ว่ายน้ำมาสองสามตัว
กุ้งเคย ว่ายมาเป็นหย่อมฝูง
ปลาเค็ม ตากอยู่บนลาน
กะปิ ปั้นก้อนอยู่ในไห

นกพังกะ

นกพังกะ ทำรังในโพรงดิน
ชาวบ้านมองดูว่าต่ำต้อย
แต่ดูนั่น ปีกสีแดง สีเขียว สีฟ้า
ชาวเมืองล้วนชื่นชมว่างาม

เดือนแรม

ฟ้าห่มม่านมืดดำ
แต่เห็นดวงดาวพริบพราย
เธอคลุมผ้าปิดใบหน้า
แต่เห็นดวงตาสดใส

ภาษา

เธอเขียนอักษรได้ทีละตัว
ส่งเสียงพูดได้ทีละคำ
สมองคิดไปได้ร้อยเรื่อง
แต่หัวใจนิ่งเงียบ เหมือนไร้ภาษา

ข้อสอบ

ข้อสอบเลือกตอบ ก,ข,ค,ง
มีถูกเพียงข้อเดียว
แต่เมื่อเธอเป็นเพื่อนกับฉัน
เลือกตอบข้อไหนก็ได้

สายกลาง

น้ำขังนิ่ง มักเป็นน้ำเน่า
น้ำไหลเชี่ยว มักกัดเซาะทำลาย
คนสร้างสรรค์
ต้องไหลนิ่ง

ใหม่

เขียนกระดานดำ แล้วลบทิ้ง
เพื่อเตรียมเรียนบทใหม่
รู้จักลืมเสียบ้าง
เพื่อเรียนรู้สิ่งใหม่ๆ

ทอดทิ้ง

ตัดต้นไม้ใหญ่ทิ้งจนเตียงโล่ง
ทำให้หลงลืมที่หมาย
ทอดทิ้งคนแก่คนเฒ่า
ทำให้หลงลืมตัว

กัดแทะ

ยามดึกเสียง กรอด กรอด กรอด
หนูกัดแทะข้าวของ
ติ๊ก ติ๊ก ติ๊ก เสียงนาฬิกา
เวลากัดแทะคนเหลวไหล

อุทยาน

เด็กดำ เด็กขาว
เด็กเล็ก เด็กใหญ่
เด็กอ้วน เด็กผอม
เด็กโง่ เด็กฉลาด
ช่วยกันสร้างอุทยานเด็ก
ผู้ใหญ่เข้าได้
โปรดอย่ารบกวน

สายรุ้ง

ฝนตก แดดออก
"รุ้งกินน้ำ" จึงปรากฏ
พ่อแม่ดุด่าสั่งสอน
แล้วให้ตังค์มาโรงเรียน

ลมพัด

ลมเพลมพัด
พัดไปโรงเรียน
ได้อ่านได้เขียน
ได้เล่นกับเพื่อน

ลมเพลมพัด
พัดเทกลับบ้าน
กินข้าวหมดจาน
ได้นอนกอดแม่

Friday, May 25, 2007

15บาทของเรา 15บาทของเขา

มีคนส่งมาให้อ่านค่ะ... เห็นว่าน่าสนใจดีก็เลยนำมาให้อ่านกัน
เรื่องนี้เป็นเพราะความบังเอิญที่บ่ายวันนั้นฝนตก ตัวเองก็รีบจะไปเจอเพื่อนที่รออยู่บีทีเอสหมอชิต ตัดสินใจรีบวิ่งขึ้นแท็กซี่ที่จอดเรียงกันอยู่โดยไม่มองว่ารถคันนั้นมีสภาพยังไง เข้ามานั่งแล้วถึงได้รู้ว่าเป็นรถแท็กซี่รุ่นเก่า (คันเล็ก แอร์ไม่เย็น แล้วก็จะมืดๆ หน่อยอ่ะค่ะ คือ มองจากข้างนอกจะเห็นข้างในไม่ค่อยชัด)
ตอนนั้นก็คิดแค่ว่า เออ... แค่นี้เอง เดี๋ยวก็ถึง ร้อนหน่อย ไม่เป็นไร นั่งไปได้สักพัก รถติด คุณลุงคนขับรถก็หันมาถามประมาณว่า มีแบงค์ย่อยรึเปล่า ลุงไม่มีเงินทอน นี่เป็นรอบแรกของวันนี้เลย...?
เราเห็นว่าตอนนั้นมันจะสี่โมงเย็นแล้ว แต่ลุงบอกว่าเป็นเที่ยวแรกของวันนี้ ก็เลยถามว่า ลุงเข้ากะบ่ายหรือคะ? คุณลุงตอบกลับว่า ลุงขับมาตั้งแต่ตีสี่แล้ว นี่รถของลุงเอง วนไปวนมาอยู่หลายรอบแล้ว แต่ไม่มีลูกค้าเลย. อ้าว...ทำไมล่ะคะลุง ตอนนั้นก็ชวนคุณลุงคุยแบบไม่ได้ติดใจอะไร ถามไปเรื่อย...
รถลุงเก่า คนเค้าก็ไม่อยากนั่ง แต่ลุงเข้าใจนะ มันก็เป็นเงินของเค้า รถเก่า รถใหม่ ค่าโดยสารมันเท่ากัน เป็นลุงลุงก็อยากได้ที่มันดีๆ เหมือนกัน เด็กๆ เดี๋ยวนี ้เค้าก็ชอบรถที่มีสีๆ กัน น้ำเสียงคุณลุงตอนนั้น เป็นน้ำเสียงเหมือนจะขำๆ แบบเล่าสู่กันฟังมากกว่าจะประชดประชันนะคะ
แล้วลุงก็เปลี่ยนเรื่อง ถามว่า "รถไฟฟ้านี่ เค้าคิดเงินกันยังไง" ก็เลยอธิบายเรื่องราคาให้ลุงฟัง แล้วลุงก็ถามว่า ทำยังไง... ถ้าทำไม่เป็นจะมีใครช่วยไหม...? ลูกชายลุงมันอยากจะลองนั่ง แต่ลุงก็ทำไม่เป็น ไม่เคยเห็นว่าเป็นยังไง ไม่กี่วันจะถึงวันเกิดมันแล้ว! ลุงสัญญาว่า จะพามันมานั่งดูสักรอบ คงจะชอบนะหนู ลุงเคยพามันมาดู แต่วันนั้นไม่มีเงินจะให้นั่ง สมัยนั้น บีทีเอส สร้างเสร็จ และเปิดใช้งานแล้วเกือบสามปี...น้ำเสียงตอนคุณลุงเล่า ฟังดูมีความสุขนะคะ คุณลุงยิ้มให้เราทางกระจก
คำพูดของคุณลุง ทำให้เราตื้อขึ้นมา ไม่รู้ว่าจะตอบยังไงดี ได้แต่พยักหน้าแล้วก็ยิ้มตอบ ทั้งสองเรื่องที่ลุงพูดมา เรื่องรถแท็กซี่เก่าของลุง เราฟังแล้วก็ได้แต่ยิ้มเจื่อนๆ ให้ลุงไป เพราะเราเองก็รู้ตัวดีอยู่ว่า เป็นหนึ่งใน เด็กๆ เดี๋ยวนี้ ที่มักจะเลี่ยงนั่งรถเก่าๆ และมักจะยอมเสียเวลาเป็นครึ่งชั่วโมง เพื่อรอรถแท็กซี่ใหม่ๆ ผ่านมา เรารู้ดีว่าแม้แต่การนั่งรถของคุณลุงในครั้งนี้ มันก็เป็นแค่ความบังเอิญ ถ้าฝนไม่ตก ถ้าเราไม่รีบ เราก็คงไม่เรียกรถของคุณลุง
หลังจากนั้นเราก็คิดว่า มันอาจจะเป็นเรื่องของสิทธิส่วนบุคคลที่เราสามารถ เลือกในสิ่งที่เราต้องการได้ แต่ถ้าสิ่งที่เราเลือกทำมันมีประโยชน์กับคนอื่นด้วย เราก็ไม่คิดว่ามันจะเสียหายอะไร (แท็กซี่ใหม่ก็ไม่ผิดหรอกค่ะ เพราะในจำนวนนั้นก็มีคนที่ลำบาก หาเช้ากินค่ำเช่นกัน) ส่วนเรื่องรถไฟฟ้า เรื่องของลูกชายคุณลุง ทำให้เรากลับมามองตัวเอง เราใช้รถไฟฟ้าไปไหนมาไหนตลอด บางครั้งไม่มีอะไรทำก็ชอบไปนั่งเล่นด้วยซ้ำ จะใช้ทีก็แทบจะไม่ต้องคิดเลย แต่สำหรับลูกชายคุณลุง มันคือ ของขวัญวันเกิด เป็นความต้องการที่แทบจะต้องใช้คำว่า ความฝัน ด้วยซ้ำ เงิน แค่ สิบห้าบาทของเรา กับ เงิน ตั้ง สิบห้าบาท ของเค้า หดหู่ค่ะ วันนั้นลงจากรถคุณลุงมาก็เล่าให้เพื่อนฟัง คิดถึงตัวเองที่ใช้เงินฟุ่มเฟือย ทั้งที่หาเงินเองไม่ได้ คิดถึงหลายๆ อย่างในชีวิต ที่ได้มาง่ายๆ โดยไม่ต้องดิ้นรน...

Monday, May 21, 2007

Self - fulfilling prophecy


เรียนรู้จากปู่เย็น

1137 : รถเสียช่วยฟรี

สำหรับผู้ใช้รถ หรือ ผู้ที่ไม่ได้ใช้รถส่วนตัว จะไปบอกต่อกันก็ได้
ช่วยกันบอกต่อ ๆ ไป รถเสียช่วยฟรี กด 1137


ชาวกรุงซึ้งน้ำใจ รถเสียช่วยฟรี 24 ชม. รถเสียกลางกรุงไม่ต้องตกใจ กด 1137
เรียกใช้บริการช่างซ่อมอาสาได้ฟรีตลอด 24 ชั่วโมง ตามโครงการ "ปันน้ำใจช่วยเหลือสังคม"
ช่วยป้องกันทั้งโจรในคราบพลเมืองดีและภัยสุภาพสตรีที่รถเกิดเสียกลางทาง
เผยคนยังเรียกใช้น้อย เพราะส่วนใหญ่ยังไม่รู้จัก
วอนรัฐช่วยส่งเสริมสนับสนุน ขณะที่ผู้คนในสังคมต่างดิ้นรนเอาตัวรอด
ส่งผลให้ผู้คนเห็นแก่ตัวมากขึ้น เสียสละต่อผู้อื่นน้อยลง และไม่อยากไปยุ่งเกี่ยวเรื่องของคนอื่น
แต่ก็ยังมีผู้คนจำนวนหนึ่ง แม้จะไม่มากนัก
แต่ก็พร้อมจะทำงานที่เสียสละช่วยเหลือคนอื่น โดยไม่มุ่งหวังสิ่งตอบแทน
อย่างกลุ่มคนในโครงการ"ปันน้ำใจช่วยเหลือรถจอดเสียกลางทาง"
นายกฤตวิทย์ ศรีพสุธา เจ้าของโครงการ" ปันน้ำใจช่วยเหลือรถจอดเสียกลางทาง" กล่าวถึงที่มาโครงการนี้ว่า
เห็นข่าวผู้หญิงรถเสียในเวลากลางคืนและเกิดปัญหาอาชญากรรมตามมา โดยพวกมิจฉาชีพคอยทำร้ายชิงทรัพย์
รวมไปถึงทำตัวเป็นพลเมืองดีในคราบโจร แล้วน่าเป็นห่วง นอกจากนี้จากการสำรวจดูยังพบว่า
มีรถเก่าจอดเสียอยู่ข้างทางไกลบ้านและไม่มีใครดูแล จึงได้หารือกับ พล.ต.ต.ภาณุ เกิดลาภผล ผบก.จร .
เพื่อหาทางแก้ไข ให้ประชาชนมีที่พึ่ง เพราะเชื่อว่าในสังคมไทยยังมีคนดีอยู่อีกจำนวนมาก

บทสรุปที่ได้คือ ให้ตำรวจแต่ละท้องที่จัดหาอู่ซ่อมรถ จัดซื้อรถลากรถยกไว้ให้บริการ
โดยมีตำรวจโครงการพระราชดำริมาร่วมด้วยช่วยกัน
ปรากฏว่าเจ้าของอู่ให้ความร่วมมือเป็นอย่างดี โดยไม่คิดค่าแรง และบอกว่า ยินดีให้ความร่วมมืออย่างเต็มที่
เพราะต้องการช่วยประชาชนอยู่แล้ว แต่ไม่มีโอกาส
นายกฤตวิทย์ กล่าวว่า เพื่อสร้างความเชื่อถือในการปฏิบัติหน้าที่
จึงกำหนดให้เจ้าหน้าที่ที่ออกให้บริการต้องติดบัตร ใส่ชุดฟอร์ม และไม่รับค่าตอบแทน
เพราะทุกคนทำด้วยใจรัก"บริษัทได้ทำประกันอุบัติเหตุให้เป็นค่าตอบแทน 1 ปี
ถึงขณะนี้การช่วยเหลือยังน้อยอยู่ เดือนหนึ่งประมาณ50-60 ราย
เฉลี่ยวันละ 4-5 ราย แต่ในช่วงคืนฝนตกจะมีคนเรียกใช้มากถึงวันละ 10 ราย"

ผู้ริเริ่มโครงการนี้ กล่าวและยอมรับว่า โครงการ "ปันน้ำใจช่วยเหลือรถจอดเสียกลางทาง"
ยังไม่เป็นที่แพร่หลาย เนื่องจากประชาชนที่ใช้รถใช้ถนนยังไม่ทราบว่ามีโครงการนี้
หากมีการประชาสัมพันธ์มากกว่าที่เป็นอยู่ เชื่อว่าจะมีคนที่เดือดร้อนขอใช้บริการมากกว่านี้
และน่าจะมีอู่ซ่อมรถยนต์มาร่วมช่วยเหลือมากขึ้น "ถ้าผู้ใช้รถไม่ฟัง จส. 100 จะไม่รู้ว่ามีโครงการนี้
อย่างไรก็ดี ยังมีประชาชนส่วนหนึ่งยังไม่เชื่อใจว่าจะช่วยเหลือจริงหรือเปล่า จะหวังอะไรหรือไม่ ถ้าทำอย่างโปร่งใส
คนจะเชื่อใจและใช้บริการมากขึ้น เราก็พร้อมจะขยายขอบข่ายการช่วยเหลือออกไป
เพราะโครงการนี้ตั้งเป้าใช้งบไว้ 4ล้านบาท แต่ทำจริงๆ ใช้เงินเพียง 1.69 ล้านบาทเท่านั้น"

นายกฤตวิทย์ กล่าวและย้ำว่า คนที่ต้องการความช่วยเหลือจากรถเสีย
กดโทรศัพท์แจ้งเรื่องได้ที่ 1137

บทเรียนจากความรักและความเชื่อมั่น

ฉันเขียนเรื่องนี้ขึ้นมาด้วยแรงกระตุ้นจากเพื่อนฝูงรอบข้าง
ฉันเป็นอดีตครูสอนดนตรีในโรงเรียนประถมแห่งหนึ่งซึ่ง
ชอบหารายได้พิเศษจากการสอนให้นักเรียนที่สนใจเรียนเปียโน
ฉันมีประสบการณ์มากมายจากนักเรียนพิเศษเหล่านั้น
และร็อบบี้ก็เป็นเด็กคนหนึ่งในนั้นที่ฉันจะนำมาเล่าให้ฟัง
ฉันพบร็อบบี้เป็นครั้งแรกเมื่อแม่ของเขาส่งมาให้เรียนเปียโน
ร็อบบี้เป็นเด็กชายอายุ 11 ปี ซึ่งความจริงแล้วเขาอายุมากเกินไป
ที่จะเริ่มต้นเรียนเปียโนกับฉัน เพราะฉันก็พยายามอธิบายให้ร็อบบี้ฟัง
แต่เขาก็ยังคงยืนยันที่จะเรียนให้ได้ ร็อบบี้บอกฉันว่า
แม่ของเขาซึ่งเลี้ยงลูกชายคนเดียวด้วยตัวเองตามลำพัง

มีความใฝ่ฝันเหลือเกินที่จะได้ยินลูกชายเล่นเปียโนให้ฟังสักครั้งในชีวิต
อย่างไรก็ดี ร็อบบี้ก็ได้เรียนเปียโนกับฉันจนได้
ตั้งแต่ครั้งแรกที่เขาเริ่มเรียน
ฉันก็รู้สึกได้ทันทีว่าเด็กชายคนนี้ไม่มีพรสวรรค์ทางดนตรีเอาเสียเลย
ยิ่งเขาพยายามมากเท่าใด ก็ยิ่งทำให้เห็นชัดถึงการไร้ความสามารถ
และไร้พื้นฐานทางด้านดนตรีโดยสิ้นเชิง

แต่เขาเองก็พยายามที่จะทบทวนบทเรียนขั้นพื้นฐานที่ฉันบังคับ
ให้นักเรียนทุกคนฝึกฝนอยู่เสมอ
ฉันพยายามแล้วพยายามอีกที่จะให้เขาพัฒนาฝีมือขึ้นมา
แต่ช่างดูเหมือนกับแทบจะหมดความหมายเอาเสียจริง ๆ ทุก ๆ
สุดสัปดาห์ที่สิ้นสุดการเรียน ร็อบบี้จะพูดเสมอ ๆ ว่า
“สักวันหนึ่งแม่ผมจะต้องได้ฟังผมเล่นเปียโน”
ฉันไม่เคยได้พูดคุยกับแม่ของเขาเลย
แค่เคยเห็นเธอมาส่งร็อบบี้เรียนเปียโน
แล้วเธอก็นั่งรออยู่ในรถเก่า ๆ ของเธอ
แม่ของร็อบบี้จะเพียงแค่ส่งยิ้มและโบกมือให้ฉัน
แต่เธอไม่เคยแวะเข้ามาสักครั้งเดียว

แล้ววันหนึ่ง ร็อบบี้ก็ไม่ได้มาเข้าเรียนอีก
ฉันคิดว่าจะโทรศัพท์ไปถามข่าวคราวของเขา แต่ก็กลับมาคิดว่า
คงเป็นเพราะร็อบบี้เริ่มรู้ตัวเองว่าไม่มีพรสวรรค์ทางด้านดนตรีแน่ ๆแล้ว
จึงตัดสินใจหยุดเรียนไปเสียเฉย ๆ
ฉันเองยังแอบดีใจที่เขาหยุดเรียนไปเสียได้
เพราะเขาคงไม่ใช่นักเรียนตัวอย่างที่ดีที่ฉันสามารถอวดใคร ๆ ได้เลย

หลายสัปดาห์ผ่านไป
ฉันส่งใบปลิวไปยังบ้านบรรดาศิษย์ที่เคยเรียนเปียโนกับฉัน
เพื่อให้มาร่วมงานแสดงเดี่ยวเปียโนของลูกศิษย์รุ่นปัจจุบัน
และฉันก็ต้องประหลาดใจ เมื่อร็อบบี้ซึ่งได้รับใบปลิวด้วย
ได้มาขออนุญาตฉันเข้าร่วมเดี่ยวเปียโน ฉันแย้งไปว่า
นี่เป็นการแสดงของศิษย์ปัจจุบันเท่านั้น ร็อบบี้ได้หยุดเรียนไปนานแล้ว
ฉันคงไม่สามารถให้เข้าร่วมแสดงด้วยได้
ร็อบบี้บอกว่าเพราะแม่ล้มป่วยจึงไม่สามารถพาเขามาส่งให้เรียนเปียโนได้
แต่เขาก็ได้ฝึกซ้อมเปียโนอยู่สม่ำเสมอทุกวัน “ครูครับ
ผมจะต้องเล่นเปียโนในคืนนั้นให้ได้” เขายืนยัน
ไม่รู้ว่าอะไรกันที่ดลใจให้ฉันยอมให้ร็อบบี้ขึ้นแสดงในวันงาน
อาจจะเป็นเพราะความมุ่งมั่นของเขา

หรือไม่ก็อาจเป็นเพราะบางส่งบางอย่างข้างในที่บอกฉันว่า
ทุกสิ่งจะต้องเป็นไปด้วยดี

เมื่อคืนวันงานมาถึง
ยิมเนเซียมของโรงเรียนมัธยมที่ฉันใช้เป็นห้องแสดงดนตรีนั้น
แน่นขนัดไปด้วยผู้ปกครอง เพื่อนฝูงและญาติพี่น้องของบรรดานักแสดงเปียโน
ฉันให้ร็อบบี้แสดงในช่วงหลังสุด
ก่อนที่ฉันจะต้องออกมากล่าวขอบคุณและเล่นโชว์เองในชุดสุดท้าย
ฉันคิดว่าหากเขาเกิดทำสิ่งใดผิดพลาดขึ้นมา ฉันจะได้รีบออกมากู้หน้า
เพื่อกล่าวขอบคุณและปิดการแสดงเสียเลย
ทุกสิ่งทุกอย่างดำเนินไปอย่างเรียบร้อย
นักเรียนทุกคนต่างฝึกฝนกันมาอย่างดี และแสดงออกมาได้อย่างไม่มีที่ติ
และแล้วก็มาถึงช่วงการแสดงของร็อบบี้ เมื่อเขาขึ้นมาบนเวที
เสื้อผ้าของเขายับย่นยู่ยี่ ผมเผ้าก็ไม่ได้หวี ดูกระเซอะกระเซิงไปหมด
ฉันคิดในใจว่า ตายละทำไมแม่ของเขาไม่ดูแลลูกเลย
ทำไมไม่ให้ลูกแต่งตัวเต็มที่เหมือนกับเด็กคนอื่น ๆ ทั้ง ๆ
ที่คืนนี้เป็นคืนพิเศษแท้ ๆ
อย่างน้อยก็น่าจะหวีผมเขาให้ดูดีกว่านี้สักหน่อย
ร็อบบี้ดึงม้านั่งเล่นเปียโนออกมาเริ่มต้น
ฉันประหลาดใจมากที่เขาประกาศกับผู้ชมว่า
เขาเลือกที่จะแสดงคอนแชร์โตหมายเลข 21 ของโมสาร์ท ในซีเมเจอร์
ฉันยังไม่ทันได้เตรียมตัวว่าจะต้องฟังอะไรต่อไป
นิ้วของร็อบบี้ก็พรมแผ่วพริ้วไปบนคีย์เปียโน
ราวกับว่านิ้วของเขากำลังเต้นระบำอย่างคล่องแคล่วอยู่บนนั้น
ไม่มีผิดเพี้ยนเลยแม้แต่น้อย ช่างน่ามหัศจรรย์อะไรอย่างนี้
ฉันยังไม่เคยเห็นเด็กชายวัยเท่าร็อบบี้
จะสามารถเล่นเพลงของโมสาร์ทได้ดีเยี่ยมขนาดนี้มาก่อนเลย
เมื่อเวลาหกนาทีครึ่งผ่านไป การแสดงของร็อบบี้ก็สิ้นสุดลง
ผู้คนทุกคนต่างลุกขึ้นยืนปรบมือให้เขาจนเสียงดังสนั่นไปทั้งห้อง
ฉันวิ่งขึ้นไปบนเวทีทั้งน้ำตาคลอโอบกอดร็อบบี้ไว้ด้วยความปลาบปลื้ม
“ครูไม่เคยได้ยินเธอเล่นได้ดีขนาดนี้มาก่อนเลยร็อบบี้
เธอทำได้อย่างไรกัน”
ร็อบบี้ตอบฉันผ่านไมโครโฟนออกไปว่า “จำได้ไหมครับครู
ที่ผมเคยบอกว่าแม่ของผมป่วย แม่ผมป่วยด้วยโรคมะเร็ง
และแม่ก็จากผมไปแล้วเมื่อเช้านี้เอง และความจริงก็คือ
แม่ผมเป็นใบ้หูหนวกมาตั้งแต่เกิด
ดังนั้นคืนนี้จึงเป็นคืนแรกที่แม่จะสามารถได้ยินผมเล่นเปียโน
ผมจึงต้องการทำให้มันพิเศษสุดจริง ๆ สำหรับแม่”
ไม่มีดวงตาคู่ไหนเลยที่จะไม่มีน้ำตาในคืนนั้น
แม้แต่เจ้าหน้าที่จากบ้านเด็กกำพร้าที่มารับร็อบบี้ไปดูแล
ก็ยังมีนัยน์ตาบวมแดงให้ฉันสังเกตเห็น

ฉันไม่เคยได้รับแรงกระตุ้นผลักดันใด ๆ มาก่อนเลย
แต่ในคืนนั้นฉันก็ได้รับจากเขา
ร็อบบี้ต่างหากที่เป็นครูและฉันเองเป็นนักเรียน

ที่สอนให้ฉันได้รู้ความหมายของความเพียรพยายาม...
ความรัก...ความเชื่อมั่นในตัวเองและอาจจะรวมถึงการให้โอกาสใครสักคน
โดยที่เราเองก็ไม่รู้ว่าทำไม

ร็อบบี้เสียชีวิตลงแล้วในการระเบิดที่โอกลาโฮมาซิตี้
เมื่อเดือนเมษายน 1995

Friday, May 18, 2007

วิธีเอาตัวรอดจากการดูดของน้ำวนในทะเล


ขอเชิญบริจาคคอมพิวเตอร์เก่า

จากข้อมูลของกระทรวงศึกษาธิการในปี พ.ศ. 2549 สถาบันการศึกษาในประเทศไทย

มีเครื่องคอมพิวเตอร์ใช้เพื่อการศึกษา ประมาณ 100,000 เครื่อง

หรือคิดเป็นสัดส่วนเรื่องคอมพิวเตอร์ 1 เครื่องต่อนักเรียนมากถึง 60 คน



คุณสามารถเป็นส่วนหนึ่งในการร่วมบริจาคคอมพิวเตอร์เครื่องเก่า ที่อาจถูกเก็บไว้ในชั้นใต้บันได
หรือห้องเก็บของ ไม่เกี่ยงกว่ามันรุ่นไหน หรือ จะบริจาคเป็นอะไหล่เพื่อประกอบเครื่องขึ้นมาใหม่ โดยเราจะจัดส่ง
ไปตามโรงเรียนและชุมชนที่ด้อยโอกาสทั่วประเทศ เพื่อลดช่องว่างของโอกาส ทำให้ชนบท
และ เมือง เป็นดั่งพี่น้องที่ผู้คนเอื้ออาทรต่อกัน



คุณเองก็สามารถเป็นส่วนหนึ่งที่ช่วยเหลือพวกเขาเหล่านั้นได้

โดยการบริจาคเครื่องคอมพิวเตอร์ ที่คุณไม่ได้ใช้แล้ว

ผ่านทางโครงการคอมพิวเตอร์เพื่อน้อง ของทางมูลนิธิกระจกเงา

โดยส่งมาได้ที่ เลขที่ 41 อาคารเลิศปัญญา ชั้น 9 ห้อง 907 ซอยเลิศปัญญา

ถนนศรีอยุธยา เขตราชเทวี กรุงเทพฯ 10400.

โทรศัพท์ 02-642-7991-2 ต่อ 17 โทรสาร 02-642-7991

มือถึอ 086-2662048

Email : c4c@mirrorfoundation.org

แผนที่ http://www.mirrorfoundation.org/map2.jpg

TRIANGLE OF LIFE in an earthquake - life saving information

EXTRACT FROM DOUG COPP'S ARTICLE ON THE "TRIANGLE OF LIFE", จากบทความของ
ดัก คอบบ์ เรื่อง "สามเหลี่ยมชีวิต"
Edited for MAA Safety Committee brief เรียบเรียงสำหรับการสรุปให้คณะกรรมการด้าน
ความปลอดภัย MAA

My name is Doug Copp. I am the Rescue Chief and Disaster Manager of the
American Rescue Team International (ARTI), the world's most experienced
rescue team. The information in this article will save lives in an
earthquake.
ผมชื่อ ดัก คอบบ์ ผมเป็นหัวหน้าหน่วยกู้ภัยและผู้จัดการด้านพิบัติภัยของทีมกู้ภัยนานาชาติแห่งสหรัฐฯ ซึ่ง
เป็นทีมกู้ภัยที่มีประสบการณ์มากที่สุดในโลก ข้อมูลในบทความนี้จะช่วยชีวิตคนในกรณีแผ่นดินไหว

I have crawled inside 875 collapsed buildings, worked with rescue teams
from 60 countries, founded rescue teams in several countries, and one of
the United Nations experts in Disaster Mitigation for two years. I have
worked at every major disaster in the world since 1985.
ผมเคยคลานเข้าไปในตึกที่ถล่มมา 875 ตึก เคยทำงานกับหน่วยกู้ภัยจาก 60 ประเทศ ก่อตั้งหน่วยกู้ภัย
ในหลายประเทศ และเป็นเหนึ่งในผู้เชี่ยวชาญด้านการอพยพผู้คนกรณีเกิดพิบัติภัยขององค์การ
สหประชาชาติมา 2 ปี ผมได้ทำงานกับพิบัติภัยใหญ่ๆ ในโลกมาตั้งแต่ปี 1985

In 1996 we made a film, which proved my survival methodology to be correct.
We collapsed a school and a home with 20 mannequins inside. Ten mannequins
did "duck and cover," and the other ten mannequins used my "triangle of
life" survival method. After the simulated earthquake, we crawled through
the rubble and entered the building to film and document the results. The
film showed that there would have been zero percent survival for those
doing duck and cover; and 100 percent survivability for people using my
method of the "triangle of life."
เมื่อปี 1996 เราได้ทำภาพยนต์ขึ้นมาเรื่องหนึ่งซึ่งได้พิสูจน์ว่าวิธีการรักษาชีวิตของผมถูกต้อง เราได้
ถล่มโรงเรียนและบ้านที่มีหุ่นมนุษย์ 20 ตัวอยู่ภายใน หุ่น 10 ตัว "มุดและหาที่กำบัง" และอีกสิบตัวใช้
วิธีการรักษาชีวิตแบบ "สามเหลี่ยมชีวิต" ของผม หลังจากแผ่นดินไหวทดลอง เราคลานผ่านซากปรักหัก
พังและเข้าไปในตึกเพื่อถ่ายภาพและเก็บข้อมูลของผลที่เกิด ในภาพยนต์แสดงให้เห็นว่าอัตราการอยู่รอด
ของพวกที่มุดและหาที่กำบังคือศูนย์ และโอกาสรอด 100% สำหรับพวกที่ใช้วิธี "สามเหลี่ยมชีวิต" ของผม

This film has been seen by millions of viewers on television in Turkey and
the rest of Europe, and it was seen in the USA, Canada and Latin America on
the TV program.
ภาพยนต์ชุดนี้ได้ผ่านสายตาของผู้ชมโทรทัศน์เป็นล้านๆ คนในตุรกี และส่วนที่เหลือของยุโรป เคยออก
อากาศทางโทรทัศน์ในสหรัฐอเมริกา คานาดา และลาตินอเมริกา

The first building I ever crawled inside of was a school in Mexico City
during the 1985 earthquake. Every child was under its desk. Every child was
crushed to the thickness of their bones. They could have survived by lying
down next to their desks in the aisles.
ตึกแห่งแรกที่ผมได้คลานเข้าไปคือโรงเรียนแห่งหนึ่งในเมืองเม็กซิโกซิตี้ในแผ่นดินไหวปี 1985 เด็กทุก
คนอยู่ใต้โต๊ะเรียน เด็กทุกคนถูกอัดแบนจนกระดูกแหลก พวกเขาอาจจะมีชีวิตรอดด้วยการนอนราบกับพื้น
ตรงบริเวณทางเดินข้างๆ โต๊ะเรียนของตัวเอง

At that time, the children were told to hide under something. Simply
stated, when buildings collapse, the weight of the ceilings falling upon
the objects or furniture inside crushes these objects, leaving a space or
void next to them. This space is what I call the "triangle of life". The
larger the object, the stronger, the less it will compact. The less the
object compacts, the larger the void, the greater the probability that the
person who is using this void for safety will not be injured.
ในเวลานั้น เด็กๆ ได้รับคำแนะนำให้หลบใต้อะไรบางอย่าง อธิบายอย่างง่ายๆ เมื่อตึกถล่ม น้ำหนัก
ของเพดานที่ตกลงมาบนสิ่งของหรือเครื่องเรือนที่อยู่ภายในจะทับทำลายสิ่งของเหล่านั้น เหลือที่ว่างหรือ
ช่องว่างข้างๆ มัน ที่ว่างเหล่านี้คือสิ่งที่ผมเรียกว่า "สามเหลี่ยมชีวิต" สิ่งของชิ้นยิ่งใหญ่ ยิ่งแข็งแรง
โอกาสถูกทับอัดยิ่งน้อย โอกาสที่สิ่งของถูกทับอัดยิ่งน้อย ช่องว่างก็จะยิ่งใหญ่ขึ้น โอกาสที่คนที่อาศัยช่อง
ว่างเหล่านั้นหลบภัยจะไม่เป็นอันตรายก็ยิ่งมาก

The next time you watch collapsed buildings, on television, count the
"triangles" you see formed. They are everywhere. It is the most common
shape.
ครั้งต่อไปที่คุณดูอาคารที่ถล่มในโทรทัศน์ ลองนับ "สามเหลี่ยม" ที่เกิดขึ้นที่คุณเห็นดู มันทีอยู่เต็มไปหมด
ทุกที่ เป็นรูปทรงที่เห็นได้มากที่สุดอยู่ทั่วไป

TEN TIPS FOR EARTHQUAKE SAFETY
สิบวิธีเพื่อความปลอดภัยยามแผ่นดินไหว

1) Almost everyone who simply "ducks and covers" when buildings collapse
are crushed to death. People who get under objects, like desks or cars, are
crushed.
1) เกือบทุกคนที่ "มุดและหาที่กำบัง" เมื่ออาคารถล่มถูกทับอัดจนตาย คนที่เข้าไปอยู่ใต้สิ่งของ อาทิ
โต๊ะหรือรถยนต์ถูกอัดทับ

2) Cats, dogs and babies often naturally curl up in the fetal position.
You should too in an earthquake. It is a natural safety/survival instinct.
You can survive in a smaller void. Get next to an object, next to a sofa,
next to a large bulky object that will compress slightly but leave a void
next to it.
2) แมว หมา และเด็กทารก โดยธรรมชาติมักจะขดตัวในท่าเหมือนอยู่ในครรภ์มารดา คุณควรทำเช่น
กันในกรณีแผ่นดินไหว มันเป็นสัญชาติญาณเพื่อความปลอดภัย/รักษาชีวิต คุณสามารถมีชีวิตรอดในช่อง
ว่างที่เล็กกว่า ไปอยู่ข้างๆ สิ่งของ ข้างเก้าอี้โซฟา ข้างของหนักๆ ชิ้นใหญ่ๆ ที่จะบี้แบนไปบ้างแต่ยัง
เหลือที่ว่างข้างๆ มันไว้

3) Wooden buildings are the safest type of construction to be in during an
earthquake. Wood is flexible and moves with the force of the earthquake. If
the wooden building does collapse, large survival voids are created. Also,
the wooden building has less concentrated, crushing weight. Brick buildings
will break into individual bricks. Bricks will cause many injuries but less
squashed bodies than concrete slabs.
3) อาคารไม้เป็นสิ่งก่อสร้างที่ปลอดภัยที่สุดที่จะอยู่ภายในขณะแผ่นดินไหว ไม้มีความยืดหยุ่นและเคลื่อน
ตัวตามแรงของแผ่นดินไหว ถ้าอาคารไม้จะถล่มจะเกิดช่องว่างขนาดใหญ่เพื่อช่วยชีวิต และอาคารไม้
ยังมีน้ำหนักทับทำลายที่เป็นอันตรายน้อยกว่า อาคารอิฐจะแตกพังเป็นก้อนอิฐมากมาย ก้อนอิฐเหล่านี้
เป็นสาเหตุของการบาดเจ็บ แต่จะทับอัดร่างกายน้อยกว่าแผ่นคอนกรีต

4) If you are in bed during the night and an earthquake occurs, simply roll
off the bed. A safe void will exist around the bed. Hotels can achieve a
much greater survival rate in earthquakes, simply by posting a sign on the
back of the door of every room telling occupants to lie down on the floor,
next to the bottom of the bed during an earthquake.
4) หากคุณกำลังนอนอยู่บนเตียงตอนกลางคืนและเกิดแผ่นดินไหว เพียงกลิ้งลงจากเตียง ช่องว่างที่
ปลอดภัยจะเกิดรอบๆ เตียง โรงแรมจะสามารถเพิ่มอัตราผู้รอดชีวิตจากแผ่นดินไหวได้ โดยเพียงติด
ป้ายหลังประตูในทุกห้องพักบอกให้ผู้เข้าพักนอนราบกับพื้นข้างๆ ขาเตียงระหว่างแผ่นดินไหว

5) If an earthquake happens and you cannot easily escape by getting out the
door or window, then lie down and curl up in the fetal position next to a
sofa, or large chair.
5) หากมีแผ่นดินไหวเกิดขึ้นและคุณไม่สามารถหนี้ออกมาง่ายๆ ทางประตูหรือหน้าต่าง ก็ให้นอนราบและ
ขดตัวในท่าทารกในครรภ์ข้างๆ เก้าอี้โซฟาหรือเก้าอี้ตัวใหญ่ๆ

6) Almost everyone who gets under a doorway when buildings collapse is
killed. How ? If you stand under a doorway and the doorjamb falls forward
or backward you will be crushed by the ceiling above. If the doorjamb falls
sideways you will be cut in half by the doorway. In either case, you will
be killed!
6) เกือบทุกคนที่อยู่ตรงช่องประตูตอนตึกถล่มไม่รอด เพราะอะไร? หากคุณยืนอยู่ตรงช่องประตูและวง
กบประตูล้มไปข้างหน้าหรือข้างหลัง คุณจะโดนเพดานด้านบนตกลงมาทับ หากวงกบประตูล้มออกด้านข้าง
คุณจะถูกตัดเป็นสองท่อนโดยช่องประตู ไม่ว่ากรณีไหน คุณไม่รอดทั้งนั้น!

7) Never go to the stairs. The stairs have a different "moment of
frequency" (they swing separately from the main part of the building).The
stairs and remainder of the building continuously bump into each other
until structural failure of the stairs takes place. The people who get on
stairs before they fail are chopped up by the stair treads - horribly
mutilated. Even if the building doesn't collapse, stay away from the
stairs. The stairs are a likely part of the building to be damaged. Even if
the earthquake does not collapse the stairs, they may collapse later when
overloaded by fleeing people. They should always be checked for safety,
even when the rest of the building is not damaged.
7) อย่าใช้บันไดเด็ดขาด บันไดมี "ช่วงการเคลื่อนตัว" ที่แตกต่างไป
(บันไดจะมีการแกว่งแยกจากตัวอาคาร) บันไดและส่วนที่เหลือของตัวอาคารจะชนกระแทกกันอย่างต่อ
เนื่องจนเกิดปัญหากับโครงสร้างของบันได คนที่อยู่บนบันไดก่อนที่บันไดจะถล่มถูกตัดเป็นชิ้นโดยชั้น
บันได--ถูกแยกส่วนอย่างน่าสยดสยอง ถึงอาคารจะไม่ถล่มก็ควรอยู่ห่างบันไดไว้ บันไดเป็นส่วนของ
อาคารที่มีโอกาสถูกทำให้เสียหาย ถึงแม้แผ่นดินไหวจะไม่ได้ทำให้บันไดถล่ม มันอาจถล่มในเวลาต่อมา
เมื่อรับน้ำหนักมากเกินไปจากคนที่กำลังหนี้ มันควรได้รับการตรวจสอบความปลอดภัยเสมอ ถึงแม้ส่วนที่
เหลือของอาคารจะไม่ได้รับความเสียหายก็ตาม

8) Get near the Outer Walls Of Buildings or Outside Of Them if possible.
It is much better to be near the outside of the building rather than the
interior. The farther inside you are from the outside perimeter of the
building the greater the probability that your escape route will be
blocked.
8) ไปอยู่ใกล้กำแพงด้านนอกของอาคารหรือออกจากอาคารถ้าเป็นไปได้ จะเป็นการดีกว่ามากที่จะอยู่
ใกล้ส่วนนอกของอาคารมากกว่าจะอยู่ที่ส่วนในของอาคาร คุณยิ่งอยู่ลึกเข้าไปหรือไกลจากบริเวณภาย
นอกของอาคารมากเท่าไหร่ โอกาสที่ทางหนี้ของคุณจะถูกปิดกั้นยิ่งมีมาก

9) People inside of their vehicles are crushed when the road above falls in
an earthquake and crushes their vehicles; which is exactly what happened
with the slabs between the decks of the Nimitz Freeway. The victims of the
San Francisco earthquake all stayed inside of their vehicles. They were all
killed. They could have easily survived by getting out and sitting or lying
next to their vehicles. Everyone killed would have survived if they had
been able to get out of their cars and sit or lie next to them. All the
crushed cars had voids 3 feet high next to them, except for the cars that
had columns fall directly across them.
9) คนที่อยู่ภายในรถยนต์ถูกทับอัดเมื่อถนนด้านบนตกลงมาเพราะแผ่นดินไหวและทับรถของพวกเขา นี้เป็น
สิ่งที่เกิดขึ้นกับแผ่นคอนกรีตระหว่างชั้นของถนนหลวงนิมิทซ์ ผู้เคราะห์ร้ายทั้งหมดจากแผ่นดินไหวที่ซาน
ฟรานซิสโกอยู่ในรถของตัวเอง พวกเขาตายทั้งหมด พวกเขาสามารถมีชีวิตรอดได้ง่ายๆ ด้วยการออก
จากรถและนั่งหรือนอนราบอยู่ข้างๆ รถตัวเอง คนที่ตายทุกคนอาจรอดได้ถ้าพวกเขาสามารถออกจากรถ
และนั่งหรือนอนราบอยู่ข้างรถตัวเอง รถที่ถูกทับอัดทุกคันมีช่องว่างสูง 3 ฟุตอยู่ข้างๆ ยกเว้นรถที่ถูกเสา
คาดตกทับกลางคันรถ

10) I discovered, while crawling inside of collapsed newspaper offices and
other offices with a lot of paper, that paper does not compact. Large
voids are found surrounding stacks of paper.
10) ผมค้นพบ--ขณะที่คลานเข้าไปในซากสำนักงานหนังสือพิมพ์และสำนักงานอื่นที่มีกระดาษจำนวน
มาก--ว่ากระดาษไม่อัดตัว จะพบช่องว่างขนาดใหญ่รอบๆ กองกระดาษที่เรียงทับซ้อนกัน

Spread the word and save someone's life.
กระจายข้อมูลนี้และช่วยชีวิตคนบางคน

ทึ่ง! พระนำของบริจาค แลกแรงงานสร้างถนน

ทึ่ง! พระนำของบริจาค แลกแรงงานสร้างถนน

เรื่องของพระสงฆ์ที่มีแนวคิดในการว่าจ้างแรงงาน ด้วยการใช้วิธีนำของที่ได้รับมาแลกเปลี่ยน เกิดขึ้นโดย เจ้าคุณพิศาลประชานุกูล ผู้ช่วยเจ้าอาวาสวัดศรีโสดา ต.สุเทพ อ.เมือง จ.เชียงใหม่ ที่มีโครงการร่วมมือกับชาวบ้านจะทำการสร้างถนนจำนวน 5 สาย เชื่อมระหว่าง อ.ท่าสองยาง จ.ตาก กับ อ.อมก๋อย จ.เชียงใหม่ รวมระยะทาง 105 กิโลเมตร กับสะพานอีก 2 แห่ง

สำหรับการสร้างดังกล่าวจะใช้แรงงานคน และจอบเสียม โดยไม่ใช้เครื่องจักรหรือรถทำถนนแต่อย่างใด อีกทั้งไม่พึ่งพาเงินงบประมาณจากทางราชการ ขณะนี้ประสบผลสำเร็จไปแล้ว 1 โครงการ ระยะทางร่วม 57 กิโลเมตร และกำลังดำเนินการโครงการที่ 2 อย่างต่อเนื่อง โดยลักษณะการก่อสร้างคล้ายกับที่ครูบาศรีวิชัย นักบุญแห่งล้านนาไทยในอดีตที่เคยลงมือสร้างถนนขึ้นดอยสุเทพมาแล้วเมื่อประมาณ 70 ปีก่อน

เจ้าคุณพิศาลประชานุกูล เปิดเผยถึงแนวคิดการสร้างถนนว่า ก่อนหน้านี้ได้ไปธุดงค์และจำพรรษาตามวัดต่างๆบริเวณ จ.เชี ยงใหม่ และ จ.ตาก ซึ่งอยู่ตามถิ่นทุรกันดาร ต้องเดินทางขึ้นลงเขาด้วยการเดินเท้าโดยเฉพาะในช่วงฤดหนาวต้องต้องแบกขนสิ่งของขึ้นไปในหมู่บ้านที่อยู่บนยอดดอยและมีชาวบ้านที่มีจิตศรัทธามาบริจาคสิ่งของจำนวนมาก แต่ด้วยความยากลำบากจึงเดินทางมาเพียงครั้งเดียว เพราะเส้นทางการเดินทางลำบากมาก

"บางครั้งเมื่อมีเสื้อผ้า และผ้าห่มที่ได้รับมา อาตมาต้องการที่จะนำขึ้นไปแจกจ่ายให้กับประชาชนที่อยู่ในถิ่นทุรกันดารซึ่งมีอยู่จำนวนมากในหุบเขาและพื้นที่ห่างไกลความเจริญ แต่ด้วยลำบากทำให้สิ่งของจำเป็นที่ได้มาไม่ถึงมือประชาชน ประกอบกับเห็นชาวบ้านที่อยู่บนดอยเมื่อเจ็บป่วยจะเดินทางไปโรงพยาบาลก็ลำบาก

นอกจากนี้การที่จะติดต่อประสานงานกับหน่วยงานรัฐ เช่น เดินทางไปที่ว่าการอำเภอก็ลำบาก เด็กเล็กไม่ได้ศึกษาเล่าเรียนเพราะระยะทางการเดินทางไกล ทำให้จบการเพียงระดับชั้นประถมในหมู่บ้านโดยไม่มีโอกาสศึกษาต่อในระดับสูง เมื่อชาวบ้านร้องขอผ่านไปยังหน่วยงานราชการก็จะติดขัดเรื่องงบประมาณ

อย่างไรก็ตาม ระยะหลังได้รับสิ่งของที่มีประชาชนนำมาถวายจากการทำบุญเป็นจำนวนมาก ทั้งข้าวสาร อาหารแห้งจึงมีความคิดที่จะนำเอาสิ่งอุปโภคบริโภคเหล่านี้ขึ้นไปให้ชาวบ้านในถิ่นทุรกันดาร โดยนำไปแลกกับแรงงานชาวบ้านในพื้นที่ ซึ่งแลกเปลี่ยนเป็นค่าแรงงาน มูลค่าประมาณ 50 บาท ต่อคน ต่อวัน เพื่อขอให้ชาวบ้านได้เข้ามาช่วยกันสร้างทางเป็นถนนเข้าหมู่บ้านและตัดต่อไปยังถนนใหญ่

เจ้าคุณพิศาลประชานุกูล กล่าวต่อว่า การสร้างถนนจะเชื่อมต่อจากหมู่บ้านหนึ่งไปยังหมู่บ้านหนึ่ง จากตำบลหนึ่งไปยังอีกตำบลหนึ่งเพื่อให้เกิดความสะดวกในการเดินทางของชาวบ้าน และปรากฎว่าได้รับการตอบรับจากชาวบ้านเป็นอย่างดี เนื่องจากทุกคนมองเห็นความสำคัญ จึงได้นำจอบเสียมของตนเองที่มีอยู่ออกมาช่วยกันสร้างทางโดยส่วนใหญ่จะเป็นชาวเขาโดยเฉพาะเผ่ากะเหรี่ยง ทุกคนร่วมมือร่วมใจกันเป็นอย่างดี บางครั้งมีชาวบ้านมาช่วย 20 คน บางครั้งมีมากถึง 200 คน ขึ้นอยู่กับหมู่บ้านไหนที่มีคนมากน้อย

ส่วนแนวคิดในการร่วมกับชาวบ้านใช้จอบสร้างถนนนั้น ได้เริ่มดำเนินการมาตั้งแต่ปี 2541ขณะนี้ได้สร้างถนนลำลอง 3 สายมาบรรจบกันแล้ว รวมระยะทาง 57 กิโลเมตร ใช้เวลา 3 ปี 4 เดือน จากเขต อ.ท่าสองยาง จ.ตาก ถึงเขต อ.อมก๋อย จ.เชียงใหม่ และสามารถทำสำเร็จไปแล้วเมื่อปี 2545 โดยไม่ได้ใช้งบประมาณทางราชการแต่อย่างใดและขณะนี้ยังดำเนินการอย่างต่อเนื่อง แต่ละปีจะได้ระยะทางที่ไม่แน่นอนขึ้นอยู่กับแรงศรัทธาของชาวบ้านที่ร่วมใจเปลี่ยนสภาพจากเส้นทางป่าสำหรับเดินเป็นเส้นทางรถจักรยานยนต์และขยายจนเป็นเส้นทางรถยนต์วิ่งสัญจรได้สะดวกขึ้น

"หากครั้งใดที่ได้สิ่งของถวาย จำพวกของอุปโภคบริโภคจำนวนมากจะนำมาแลกเปลี่ยนเป็นแรงงานชาวบ้านได้มาก ปัจจุบันนี้เส้นทางลำลองดังกล่าวทั้งคนและรถสามารถสัญจรไปมาได้โดยสะดวก ขณะนี้อยู่ระหว่างดำเนินการสร้างโครงการที่ 2 ต่อ เนื่องจากปัจจุบันยังมีชาวบ้านที่อยู่ในถิ่นทุรกันดารยังเดือดร้อน อยากมีเส้นทางการสัญจรที่สะดวก"

เจ้าคุณพิศาลประชานุกูล กล่าวว่า โครงการที่ 2 ได้เริ่มตั้งแต่ต้นปี 2550 จะดำเนินการสร้าง จำนวน 2 สาย ระยะทางรวม 38 กิโลเมตร กับสะพานอีก 2 แห่ง เพื่อเชื่อมบรรจบให้เป็นสายเดียวจาก อ.ท่าสองยาง จ.ตาก ไปยัง อ.อมก๋อย จ.เชียงใหม่ ขณะนี้คืบหน้าไปแล้วประมาณ 7-8 กิโลเมตร

"อยากเชิญชวนผู้มีจิตศรัทธาร่วมทำบุญบริจาคจอบ เสียม เกลือ ปลาเค็ม มะพร้าว เพื่อตอบแทนเป็นค่าแรงงานให้กับชาวบ้าน โดยเฉพาะเกลือเม็ดเป็นสิ่งที่มีค่าสำหรับชาวดอย อยากให้บริจาคเป็นสิ่งของมากกว่าเงิน รวมถึงมะพร้าวแห้งเพื่อนำเอาไปเพาะปลูกบริเวณริมลำห้วย หัวไร่ปลายนาบ้านป่าจะมีมะพร้าวไว้กินเป็นการส่งเสริมปลูกป่าไปด้วย "

เจ้าคุณพิศาลประชานุกูล กล่าวด้วยว่า การทำบุญสร้างถนนหนทางถือว่าจะได้บุญมาก เพราะจะทำให้ชาวบ้านสามารถสัญจรไปมาได้สะดวก อุปสรรคต่างๆที่เคยมีจะลดน้อยลง

ผู้สื่อข่าวรายงานว่าสำหรับประวัติเจ้าคุณพิศาลประชานุกูล เป็นชาวกะเหรี่ยง อายุ 47 ปี พรรษา 24 วิทยฐานะ น.ธ.เอก คบ.ดำรงตำแหน่งผู้ช่วยเจ้าอาวาสวัดศรีโสดา ต.สุเทพ อ.เมืองเชียงใหม่ และหัวหน้าศูนย์อบรมศีลธรรมาและส่งเสริมพระพุทธศาสนาบนพื้นที่สูงบ้านแม่สลิดหลวง ต.แม่สอง อ.ท่าสองยาง จ.ตาก เกิดเมื่อวันที่ 3 มี.ค. 2503 มารดาชื่อนางบือเตาะ สุขสมบัติธรรม ที่บ้านเลขที่ 13 หมู่ 4 ต.แม่อุสุ อ.ท่าสองยาง จ.ตาก

บรรพชาเป็นสามเณรเมื่อวันที่ 2 พ.ค.2518 ณ วัดแม่ต้านเหนือ ต.แม่ต้าน อ.ท่าสองยาง จ.ตาก และได้อุปสมบทเป็นพระภิกษุ เมื่อวันที่ 7 ก.ค. ณ พัทธสีมาวัดเบญจมบพิตรดุสิตวนาราม กทม. ซึ่งมีสมเด็จพระพุทธชินวงศ์ เป็นพระอุปัชฌาย์ โดยใช้ชื่อ พระปลัดดำริ ฉายา อิทธิมนฺโต ก่อนจะได้รับพระราชทานตั้งสมณศักดิ์เป็นพระราชาคณะชั้นสามัญที่ เจ้าคุณพิศาลประชานุกูล เมื่อวันที่ 5 ธันวาคม 2549 เป็นพระธรรมจาริกชาวกะเหรี่ยงรูปแรกที่ได้รับพระราชทานตั้งเป็นสมณศักดิ์พระราชาคณะชั้นสามัญ ซึ่งถือเป็นเกียรติประวัติแก่โครงการพระธรรมจาริกเป็นอย่างยิ่ง


ติดต่อได้ที่
ผู้ช่วยเจ้าอาวาส
วัดศรีโสดา ต. สุเทพ อ.เมือง จ. เชียงใหม่ 50200

ลุงแจวเรือจ้าง...กับหนุ่มนักเรียนนอก...

เด็กหนุ่มคนหนึ่ง...เป็นชาวสงขลา...

เรียนเก่งมาก...

ได้ทุนไปเรียนอเมริกา...ตั้งแต่เด็ก...จนจบด็อกเตอร์...

จึงกลับมาเยี่ยมบ้าน...



บ้านของเด็กหนุ่ม...

อยู่อีกฟากหนึ่ง...ของทะเลสาบสงขลา...

ต้องนั่งเรือแจว...ข้ามไป...ใช้เวลาแจวประมาณหนึ่งชั่วโมง...



เรือที่ติดเครื่องยนต์...ไม่มีเหรอ...ลุง...?

ไม่มีหรอกหลาน...ที่นี่มันบ้านนอก...

มันห่างไกลความเจริญ...มีแต่เรือแจว...



โอ...ล้าสมัยมากเลยนะลุง...โบราณมาก...

ที่อเมริกา....เขาใช้เครื่องบินกันแล้วลุง...ลุงยังมานั่งแจวเรืออยู่อีก...



ไปส่งผมฝั่งโน้น...เอาเท่าไร...ลุง...?

80 บาท...

OK...ไปเลยลุง...



ในขณะที่ลุงแจวเรือ...

หนุ่มนักเรียนนอก...ก็เล่าเรื่องความทันสมัย...

ความก้าวหน้า...ความศิวิไลช์...ของอเมริกาให้ลุงฟัง...



เมืองไทย...เมื่อเทียบกับอเมริกาแล้ว...ล้าสมัยมาก...

ไม่รู้คนไทย...อยู่กันได้ยังไง...?



ทำไมไม่พัฒนา...ทำไมไม่ทำตามเขา...เลียนแบบเขาให้ทัน...?

ลุง...ลุงใช้คอมพิวเตอร์...ใช้อินเตอร์เน็ต...เป็นไหม...?

ลุงไม่รู้หรอก...ใช้ไม่เป็น...

โอโฮ้...ลุงไม่รู้เรื่องนี้น่ะ....ชีวิตลุงหายไปแล้ว...25 %....



แล้วลุงรู้ไหมว่า...เศรษฐกิจของโลก...ตอนนี้เป็นยังไง...?

ลุงไม่รู้หรอก...

ลุงไม่รู้เรื่องนี้นะ...ชีวิตของลุงหายไป...50 %



ลุง...ลุงรู้เรื่องนโยบายการค้าโลกไหม...ลุง...?

ลุง...ลุงรู้เรื่องดาวเทียมไหม...ลุง...?

ลุงไม่รู้หรอก...หลานเอ๊ย...

ชีวิตของลุง...ลุงรู้อยู่อย่างเดียว...

ว่าจะทำยังไง...ถึงจะแจวเรือให้ถึงฝั่งโน้น...

ถ้าลุงไม่รู้เรื่องนี้...ชีวิตของลุง...หายไปแล้ว...75 %



พอดีช่วงนั้น...

เกิดลมพายุพัดมาอย่างแรง...คลื่นลูกใหญ่มาก...ท้องฟ้ามืดครึ้ม...

นี่พ่อหนุ่ม...เรียนหนังสือมาเยอะ...จบดอกเตอร์จากต่างประเทศ...

ลุงอยากถามอะไรสักหน่อยได้ไหม...?

ได้...จะถามอะไรหรือลุง...?



เอ็งว่ายน้ำเป็นไหม...?

ไม่เป็นจ๊ะ...ลุง....



ชีวิตของเอ็ง...กำลังจะหายไป 100 % ...แล้วพ่อหนุ่ม...

Wednesday, March 14, 2007

แจกยาฟรีผู้ป่วยมะเร็งเม็ดเลือดขาวและมะเร็งกระเพาะอาหาร

> ขอประชาสัมพันธ์ครับ สำหรับผู้ป่วย หรือมีคนใกล้ตัว คนข้างบ้าน หรือคนรู้จัก
> เป็นมะเร็งเม็ดเลือดขาว ( ลูคีเมีย ) และมะเร็งกระเพาะอาหาร
>
> โรคร้ายที่นำมาซึ่งความทุกข์ทรมานและคร่าชีวิตผู้คนในอันดับต้นๆ ในทุกวันนี้
>
>
> ล่าสุด บริษัทยาข้ามชาติ
> โนวาร์ตีสได้จัดตั้งโครงการเพื่อช่วยเหลือผู้ป่วยนานาชาติจีแพป
(GIPAP:Glivec International Patient Assistance Program)
> ซึ่งเป็นโครงการให้ความช่วยเหลือแก่ผู้ป่วยมะเร็งเม็ดเลือดขาวชนิดเรื้อรัง
> (Chronic Myeloid Leukemia) ที่มีผลฟิลาเดเฟียโครโมโซม (philadephia chromosome)
> เป็นบวก ผู้ป่วยมีอาการในระยะรุนแรง (GIST-Grstro-Intesinal Stromal Tumor)
ที่ผ่าตัดไม่ได้ และ c-Kill หรือ CD117 เป็นบวก )
> โดยโครงการจะจัดมอบยาของบริษัทให้แก่ผู้ป่วยโดยไม่คิดมูลค่า รวมทั้งจะ
> มอบให้ต่อเนื่องจนกว่าจะมียาอื่นที่เป็นทางเลือกของผู้ป่วยได้ต่อไป
>
> ดร . แดเนียล วาเซลลา ผู้บริหารระดับสูงของโนวาร์ตีส ( สหรัฐอเมริกา )
> กล่าวว่า ประเทศ ไทยเป็นหนึ่งใน 80 ประเทศทั่วโลก 1.8 หมื่นราย โดยมีผู้ป่วยจากประเทศไทยประมาณ 800
> คน
>
> ทั้งนี้ สำนักงานมูลนิธิแมกซ์ ตั้งอยู่ที่ซีแอตเติล ประเทศสหรัฐอเมริกา
> ก่อตั้งขึ้นในปี 2540 โดย “ เพโดร ริวาโรลา” (Pedro Rivarola)
> เพื่อเป็นเกียรติแก่บุตรชาย “ แม็กซิมิเลียโน ริวาโรลา” (Maximilliano
> Rivarola) ซึ่งเสียชีวิตจากโรคมะเร็งเม็ดโลหิตด้วยวัยเพียง 17 ปี
ได้จัดตั้งมูลนิธิสาขา ได้แก่ แมกซ์ ( ประเทศไทย )
> ซึ่งจะเป็นผู้ทำการพิจารณาอนุมัติอย่างอิสระ
>
> สำหรับผู้ป่วยที่จะขอความช่วยเหลือจากจีแพปได้ ต้องมีคุณสมบัติดังนี้
>
> 1.
> ผู้ป่วยจะต้องได้รับการวินิจฉัยโรคโดยแพทย์ผู้เชี่ยวชาญว่าป่วยเป็นมะเร็งเม็ดเลือดขาวชนิดเรื้อรัง
> (CML-Chronic Myeloid Leukemia)
> หรือ มะเร็งกระเพาะอาหาร (GIST)
> ซึ่งได้รับการวินิจฉัยจากแพทย์ผู้เชี่ยวชาญว่า มีผล CD 117 เป็น บวก
> 2. ผู้ป่วยเป็นผู้มีสัญชาติไทยและมีภูมิลำเนาอยู่ในประเทศไทย
> 3. ไม่สามารถเบิกค่ารักษาพยาบาลได้
> 4. ไม่สามารถจ่ายค่ารักษาพยาบาลเองได้
> และไม่ได้รับเงินสนับสนุนจากที่ใดทั้งสิ้น
>
> หากมีคุณสมบัติครบให้ปฏิบัติดังนี้
> 1. แจ้งความประสงค์เข้าร่วมโครงการรับยาฟรีจากจีแพปกับแพทย์ผู้รักษา
> แพทย์ของท่านจะดำเนินการจัดส่งใบสมัครในนามของท่านออนไลน์ไปที่
> www.themaxfoundation 2. ให้รายละเอียดเกี่ยวกับตัวเอง ที่อยู่
> เบอร์โทรศัพท์และชื่อของแพทย์ผู้รักษา
3.ภายหลังจากที่แพทย์ของท่านส่งใบสมัครมาที่มูลนิธิแมกซ์แล้ว
> เจ้าหน้าที่จะติดต่อกลับไปหาท่านเพื่อนัดสัมภาษณ์
> 4. กรณีที่ได้รับการอนุมัติ มูลนิธิจะแจ้งผลไปยังบริษัท โนวาร์ตีส (ประเทศไทย ) เพื่อจัดส่งยาผ่านแพทย์ผู้รักษาตัวท่าน
> 5. แพทย์จะเป็นผู้แจ้งผลการพิจารณาผลการอนุมัติให้ท่านทราบเอง
>
> ส่วนโรงพยาบาลที่เข้าร่วมในโครงการมี 16 แห่ง คือ
> 1. สถาบันมะเร็งแห่งชาติ
> 2. โรงพยาบาลรามาธิบดี
> 3. ศิริราชพยาบาล
> 4. โรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์
> 5. โรงพยาบาลพระมงกุฎเกล้า
> 6. โรงพยาบาลราชวิถี
> 7. โรงพยาบาลวชิรพยาบาล
> 8. โรงพยาบาลธรรมศาสตร์เฉลิมพระเกียรติ
> 9. โรงพยาบาลตำรวจ
> 10. โรงพยาบาลภูมิพล
> 11. โรงพยาบาลมหาราชนครเชียงใหม่
> 12. สถาบันวิจัยทางวิทยาศาสตร์สุขภาพ มหาวิทยาลัยนเรศวร
> 13. โรงพยาบาลสงขลานครินทร์
> 14. โรงพยาบาลหาดใหญ่
> 15. โรงพยาบาลสุราษฎร์ธานี และ
> 16. โรงพยาบาลสระบุรี
>
> ผู้ป่วยหรือมีคนใกล้ชิดป่วยด้วยโรคดังกล่าว
> สามารถติดต่อรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ ธนศักดิ์ อุทิศชลานนท์ และบุษกร สนธิกร
> หมายเลขโทรศัพท์ 02-439-4600 ต่อ 8202 หรือจะเข้าไปดูรายละเอียดในเว็บไซต์ที่
> www.gipapthailand.org หรือ
> www.themaxfoundation.com
> http://www.posttoday.com/newsdet.php?sec=magazine&id=148431

ไฟฟ้าสถิตย์ ในสถานีบริการน้ำมัน

We want to share the lesson of the day with everyone

ไฟฟ้าสถิตย์ ในสถานีบริการน้ำมัน

จากภาพวิดิทัศน์ เกี่ยวกับไฟฟ้าสถิตย์ ซึ่งผู้หญิงคนหนึ่ง เกิดอุบัติเหตุไฟไหม้หลังจากออกจากรถ และตรงเข้าไปจับหัวจ่ายน้ำมัน เราก็รับทราบอุบัติเหตุคล้ายๆ กันนี้

โดยสภาพทั่วไปของสถานีบริการน้ำมันที่ต้องบริการเติมน้ำมันเองนั้น ผู้ที่มาใช้บริการควรได้รับการเตือนเกี่ยวกับการเกิดไฟไหม้ ซึ่งเป็นผลมาจากกระแสไฟฟ้าสถิตย์ระหว่างที่เขากำลังเติมน้ำมัน

มีการสืบสวนอุบัติเหตุที่เกิดขึ้นในลักษะณะเดียวกันนี้ 150 อุบัติเหตุ ผลการสืบสวนเป็นที่น่าประหลาดใจคือ
1- จากอุบัติเหตุ 150 ครั้งที่เกิดขึ้น เกิดอุบัติเหตุกับผู้หญิง มากกว่าผู้ชาย เนื่องจากผู้หญิงมีนิสัยที่จะเข้า – ออก รถ ระหว่างการเติมน้ำมัน มากกว่าผู้ชาย
2- ส่วนใหญ่พบว่า อุบัติเหตุเกิดจากผู้ใช้ยานพาหนะเข้าไปในยานพาหนะอีกครั้งระหว่างที่น้ำมันกำลังไหลเข้าสู่ถัง (อันตรายจากหัวจ่ายน้ำมัน) เมื่อมีการเติมน้ำมันเรียบร้อย ผู้ใช้บริการออกจากรถเพื่อดึงสายจ่ายน้ำมันออกจากตัวถังรถ จะมีไฟไหม้ขึ้น เนื่องจากกระแสไฟฟ้าสถิตย์
3- ผู้ใช้บริการที่เกิดไฟไหม้ส่วนใหญ่สวมรองเท้าส้นยาง และ สวมใส่เสื้อผ้าใยสังเคราะห์
4- ห้ามใช้โทรศัพท์มือถือระหว่างเติมน้ำมัน
5- เป็นที่ทราบกันว่า ไอน้ำมันซึ่งระเหยมาจากน้ำมันนั้น เผาไหม้และติดไฟได้ เมื่อมันทำปฏิกิริยากับวัตถุที่มีไฟฟ้าสถิตย์
6- อุบัติเหตุไฟไหม้ที่นำมาสืบสวนจำนวน 29 ครั้ง พบว่าเกิดจากผู้ใช้บริการ เข้าไปในรถอีกครั้งและ กลับออกมาสัมผัสหัวจ่ายน้ำมัน ระหว่างการเติมน้ำมัน ซึ่งอุบัติเหตุแบบนี้เกิดขึ้นกับรถหลากหลายยี่ห้อ และหลายรุ่น
7- อุบัติเหตุไฟไหม้ 17 ครั้ง เกิดขึ้น ก่อน หรือ ระหว่าง หรือ หลังจากการเปิดฝาน้ำมันโดยทันที และเกิดก่อนการเติมน้ำมัน
8- กระแสไฟฟ้าสถิตย์ มักจะเกิดจากการที่เสื้อผ้าของผู้ใช้บริการซึ่งเสียดสีกับผ้าคลุมเบาะที่นั่ง ระหว่างที่เข้าหรือออกจากรถ เพื่อจะหลีกเลี่ยงเหตุการณ์นี้ มีคำแนะนำว่า ผู้โดยสารทุกท่านไม่ควรเข้าหรือออกจากรถ ระหว่างการเติมน้ำมัน การเข้าหรือออกจากรถ ควรกระทำ ก่อนการเติมน้ำมัน หรือเมื่อเติมน้ำมันเสร็จและปิดฝาถังเรีบบร้อยแล้ว
9- ใช้ความระมัดระวังอย่างสูง หากว่ามีน้ำมันหกเลอะ และ กระเด็นลงพื้น ไอน้ำมันซึ่งง่ายกับการติดไฟ สามารถติดไฟง่ายโดยประกายไฟ ของไฟฟ้าสถิตย์ จากการเปิดอุปกรณ์ไฟฟ้า เช่น โทรศัพท์มือถือ รีโมทคอนโทรล หรือ การจุดระเบิดโดยตัวเครื่องยนต์ของพาหนะเอง ดังนั้นก่อนสตาร์ทรถ ควรทำความสะอาดน้ำมันที่หก โดยพนักงานของสถานีบริการน้ำมัน

วิธีเติมน้ำมันที่ถูกต้อง

ระหว่างอยู่ในรถ: หยุดรถ ดึงเบรคมือ ปิดสวิทซ์เครื่องยนต์ วิทยุ และไฟ
ห้าม: ห้ามกลับเข้าไปในรถระหว่างกำลังเติมน้ำมัน
ระมัดระวังดังนี้: ปิดประตูรถทุกครั้ง เมื่อเข้า หรือออกจากรถ ซึ่งวิธีนี้จะทำให้ประจุไฟฟ้าสถิตย์ ไม่ทำงานเมื่อสัมผัสกับโลหะ หลังจากปิดประตูรถ พยายามสัมผัสกับส่วนที่เป็นโลหะ ก่อนสัมผัส หัวจ่ายน้ำมัน การปฏิบัติเช่นนี้ กระแสไฟฟ้าสถิตย์ในตัวคุณ จะหมดสภาพไปกับโลหะ ไม่ใช่กับหัวจ่ายน้ำมัน

Monday, March 12, 2007

อิฐ ๒ ก้อน

ขอได้ไหม ?

เ งินที่ซื้อ starbucks, เงินที่ซื้อของกินทิ้งกินขว้าง , เงินที่ซื้อของกินเพียงเพราะความอยาก
เงินที่ซื้อของกินจนเกินพอดี ในที่สุดก็ต้องใช้เงินซื้อยามาลดความอ้วนอีก----ขอได้ไม๊ ?



เคยไปเลี้ยงเด็กกำพร้าที่บ้านครูน้อย สิ่งที่เราพบเห็นมีเด็กทุกประเภทอยู่ ณ ที่แห่งนั้นแต่คุณ

เชื่อไหมว่า เขาส่งเสียให้เด็กเหล่านั้นได้เรียนถึงมหาวิทยาลัย(ถ้าเด็กรักเรียน) สิ่งที่บ้านครูน้อย

ต้องการจริงๆ คือ เงิน



คิดก่อนใช้:

เงิน 7 บาทช่วยค่าอาหารเด็กได้1 คน เวลาเราซื้อของ 10 บาท 20 บาท เราไม่ค่อยรู้สึกเท่าไรนัก

แต่ถ้าเราทราบว่าเงินเพียง 7-8 บาท นั้นเป็นค่าอาหารกลางวันเด็กได้1 คน

เงินนั้นจะมีคุณค่าขึ้นมากทีเดียว มีเพื่อนๆพี่ๆบอกเราว่า ถ้าเราประหยัดวันละ 5 บาท

รวมกับเพื่อนอีก 3 คน เป็นเวลา 1 เดือน เราจะช่วยค่าอาหารและค่าใช้จ่ายทางการศึกษาของเด็ก

ได้ 1 คน เป็นเวลา 30 วันทีเดียว

ลองอ่านข้อมูลและเรื่องจริงที่เราไม่ค่อยทราบต่อไปนี้ดูนะครับ

เงินที่ท่านจ่ายสำหรับ ช่วยค่าอาหารกลางวันเด็กได้



น้ำอัดลม 1 กระป๋อง.... ช่วยเด็ก3 คน / 1 มื้อ

บุหรี่ 1 ซอง. ช่วยเด็ก4 -5 คน / 1 มื้อ

ไอศกรีมตามร้าน 1 ถ้วย.. ช่วยเด็ก4 -5 คน / 1 มื้อ

การ์ตูนญี่ปุ่น 1 เล่ม.. ช่วยเด็ก7- 8 คน / 1 มื้อ

ดูหนัง 1 เรื่อง ช่วยเด็ก10-11 คน / 1 มื้อ

เทป 1 ม้วน.ช่วยเด็ก 12-15 คน / 1 มื้อ

นวนิยาย 1 เล่ม..ช่วยเด็ก15 คน / มื้อ



เราเริ่มได้ที่นี่ เดี๋ยวนี้เลยครับ ไม่ต้องเริ่มด้วยเรื่องเงินก็ได้ เรามีทุนน้ำใจ ทุนสังคมอยู่มาก

อาจเริ่มด้วยการเขียนจดหมายให้กำลังใจเด็กๆ ครู หรือเจ้าหน้าที่ที่ช่วยเหลือเด็ก

การไปเยี่ยมเด็กๆ สละเวลาไปสอนหนังสือแบ่งปันเสื้อผ้า อุปกรณ์กีฬา ของเล่นให้กับเด็กๆ

หรืออาจจะ ลดน้ำอัดลม ลดดูหนัง ลดซื้อเทป ลดซื้อการ์ตูน ลดซื้อนวนิยาย ลดกิน อาหารฟาสท์ฟู้ด

ลดบุหรี่ แล้วส่งเงินนั้นไปช่วยเขา หรืออะไรอื่น ๆ อีกมากมาย ขอให้ทำด้วยความรักก็มากเกินพอแล้วละครับ

อยากช่วยเหลือ-สนับสนุนอะไร ติดต่อกันเองนะครับ เราเป็นผู้ ให้ข้อมูลได้เท่านั้นครับ

โดยเฉพาะสถานเลี้ยงเด็กยากจนบ้านครูน้อยซึ่งดูแลเด็กอย่างดีมาโดย ตลอด


มูลนิธิกลุ่มแสงเทียนดูแลอาหารและการศึกษาเด็กกว่า 700 คน เฉพาะค่าอาหารกลางวันต้อง

ใช้เงินเดือนละราว 200,000 บาทแล้ว คิดแล้วมื้อละ9 บาทต่อคนเท่านั้น ตอนนี้มีเงินติดบัญชี

มูลนิธิเพียง 2- 3 หมื่นบาท จึงเป็นห่วงว่าเด็กจะไม่มีอาหารพอ

ส่วนต่างจังหวัดต้องการความช่วยเหลือด่วนมากๆ เช่นกันครับ เพราะสภาวะทางเศรษฐกิจแบบ

นี้ คนช่วยน้อยลงมากเลยครับ ผมให้แง่คิดง่าย ๆ ถ้าเก็บวันละบาทหนึ่งเดือน เราก็ช่วยเด็กได้

ตั้ง 25 คนแล้วนะครับ แค่วันละบาท ทำได้อยู่แล้ว



มูลนิธิสร้างสรรค์เด็ก 0-2574- 375 3

สถานเลี้ยงเด็กยากจนบ้านครูน้อย 0-2871- 308 3

มูลนิธิกลุ่มแสงเทียน 0-2465-6165

บ้านเฮือนน้ำใจเชียงใหม่ ( 05 3) 20 3-24 3

มูลนิธิคุ้มครองเด็กบ้านเด็กแสงตะวัน 0-25 39-4041

มูลนิธิเพื่อชีวิตเด็ก อุดรธานี ( 042) 328-882

มูลนิธิศูนย์พิทักษ์สิทธิเด็กบ้านเด็กหญิง 0-2412-1196

มูลนิธิอุทิศเพื่อเด็กไทยในชนบท ขอนแก่น ( 04 3) 327-946

บ้านเด็กหญิงเร่ร่อน 0-2758- 3182

บ้าน(มูลนิธิ)นกขมิ้น 152/ 3ม.10 ต.ทุ่งเสลี่ยม อ.ทุ่งเสลี่ยม จ.สุโขทัย 64150

Wednesday, March 07, 2007

ไขมันที่กินแล้วไม่อ้วนแต่กินแล้วตาย น่ากลัวกว่าไหม?

โอรีโอ …อันตรายมาก
The Facts about (trans) Fat : ไขมันที่กินแล้วไม่อ้วน แต่ กินแล้วตาย น่ากลัวกว่าไหม?
- คุณรู้จัก โอรีโอ ดีแค่ไหน?
http://www.pantip.com/cafe/food/topic/D4778435/D4778435.html
มีคุกกี้ชื่อดังยี่ห้อหนึ่ง แค่ถูกฟ้องเป็นคดีอื้อฉาว ใครๆก็เคยคุ้นเคยกิน
คุกกี้หน้าตาดำๆ ไส้ครีมขาวๆ ใครหยิบคุกกี้ชนิดนี้มากิน 3 อัน
จะได้รับพลังงาน 160 แคลอรี่ส์ ซึ่งบรรจุไว้ซึ่งไขมัน 7 กรัม
ข้างซองก่อนเก่าเขาระบุว่า 1.5 กรัมนั้น ทำมาจากไขมันอิ่มตัว ที่เหลือ อุอุ ไม่ยอมบอกว่าเป็นไขมันชนิดไหน
จนกระทั่งถูกจับได้ว่า แอบยัด trans fat เข้าไปซะ 5.5 กรัม

ปี 2006 มีกฎหมายควบคุมปริมาณ trans fat ออกมาใช้แล้ว ในผลิตภัณฑ์อาหารใดๆมีการใช้ trans fatเป็นส่วนผสมต้องระบุจำนวนไว้อย่างเด่นชัด ห้ามหลบซ่อน หลอกผู้บริโภคให้หัวใจวายตายกันเป็นว่าเล่นอีกต่อไป

กรณีที่คุกกี้ดำๆ ถูกฟ้องร้อง ด้วยโทษฐานไม่บอกกันว่า ยัด trans fat ให้เด็กๆกินเข้าไปเท่าไหร่ เพราะคุกกี้นี้เป็นที่นิยมกินกันมาก ข่าวเขาเล่าว่าตั้งแต่มีการผลิตคุกกี้ชนิดนี้ออกมาขายเมื่อปี 1912 ขายไปแล้วกว่า 450 billion ใครลองนับดูว่า ตัวเองเผลอบริโภคคุกกี้ดำๆนี้เข้าไปเท่าไหร่ (นั่นล่ะ trans fat ไปนอนรอนิ่งๆ คอยบั่นทอนหัวใจให้ล้มเหลว ไม่วันใดก็วันหนึ่งเข้าแล้ว )

trans fat คืออะไร ???
เป็นไขมันจากพืชที่มนุษย์ผลิตขึ้นผ่านกระบวนการแปรรูปอาหาร (ขบวนการผลิตค่อนข้างวิทยาศาสตร์ไว้ค่อยขยายความต่อไป) ซึ่งขณะนี้งานวิจัยหลายฉบับ สรุปว่า ** มันเป็นไขมันชนิดร้ายแรงที่สุด คือ
นอกจากจะไม่ให้ประโยชน์ใดทั้งสิ้น ยังไปทำลายไขมันดีที่ร่างกายสะสมไว้ใช้งานอีกด้วย
อาหารที่ขายอยู่ในซูเปอร์มาร์เก็ตกว่า 40 เปอร์เซนต์อุดมไปด้วย trans fat

(ใครอยากรู้ไหมว่า อาหารประเภทไหนบ้าง เรามีลิสต์จดเก็บไว้ดูเล่นหมดล่ะ ถามว่า จะเผลอบริโภคเข้าปากไปได้จำนวนเท่าไหร่ถึงไม่ถือว่าอันตราย ตอบได้ทันทีว่า .... ไม่ควรกินเลยแม้แต่กรัมเดียว
( ถ้าพลาดกินไปแค่ 1-2 กรัม/วัน ก็ยังพอวางใจกันได้อยู่บ้าง )

ฉะนั้นการที่เจ้าของโครงการ Ban Trans Fat ซึ่งเป็นท่านทนายเขาฟ้องร้องคุกกี้ดำๆ ด้วยเหตุที่ว่า
ผู้ผลิตปิดบังข้อมูลที่เป็นอันตรายไว้ และผู้บริโภคซึ่งเป็นเด็กไม่รู้อิโหน่อิเหน่ก็บริโภคกันเข้าไปเท่าไหร่แล้วไม่รู้
คดีฟ้องร้องคุกกี้ชนิดนี้ ผู้ฟ้องร้องไม่ต้องการค่าเสียหายใดๆ ทั้งสิ้นไม่เรียกสักดอล์ลาร์หรือสักเซ็นต์เดียว

ขอเพียงแค่เจ้าของผู้ผลิตคุกกี้ดำๆ คือบริษัท Kraft จะต้องเอา trans fat ออกจากคุกกี้ชนิดนี้ให้หมดสิ้นเท่านั้นเอง
และคดีนี้ "ชนะ" เปิดฉากการต่อสู้ให้เกิดกฎหมาย ban trans fatกันคึกคักในหลายประเทศขณะนี้
ผลิตภัณฑ์ที่หลายประเทศห้ามสั่งเข้ามาขาย เพราะคือ trans fat ตัวร้ายกาจ
คือ Shortening หรือ Crisco "เนยขาว" ที่เอามามาทำขนม นม เนย หวานอร่อย เคลือบพิษไว้นั่นเอง
ยังมีอีกมาก ข้อมูลโหดๆแบบนี้ เหอะๆ

ใครสนใจจะไปอ่านให้ "หัวใจสั่น" เพิ่มเติมอีกได้ที่ http://www.bantransfats.com

เมื่อคดี "คุกกี้ดำ" ชนะ กฎหมายก็สั่งการให้มีการระบุ trans fat บนฉลากผลิตภัณฑ์อาหารต่างๆ ทันที
และผลิตภัณฑ์บางชนิดถูกห้ามใช้ trans > > fat โดยเด็ดขาด ฉะนั้นจึงทำให้ผู้บริโภคไม่ต้องขวัญผวา > >
กินอะไรไม่ได้อีกต่อไป ทางเลือกที่จะทำให้เรารอดตาย ก็เพิ่มสูงมากขึ้น

ทั้งนี้ทั้งนั้น ต้องขอบคุณคดี "คุกกี้ดำ" (ทนายเขาใช้วิธี "เขียนเสือ ให้วัวกลัว") ทำให้คนหลายคนบนโลกได้ตื่นขึ้นมาพร้อมความจริงข้อใหม่ว่า เราไม่ควรประมาทมั่นใจในสิ่งที่เรากินเข้าไปทุกวัน หากเราไม่ได้ปรุงไม่ได้ทำมันกับมือตัวเอง

อะแฮ่ม และไม่ว่าใครก็ตามที่โชคดีไม่เคยกินคุกกี้ดำมาก่อน ก็ใช่ว่าจะรอดพ้นเจ้า trans fat นี้ได้ง่ายๆ เพราะว่า trans fat เป็นส่วนผสมมากมายอยู่ทั้งในขนม นม เนย ที่มีมาร์การีนเป็นส่วนประกอบ
และของทอด ที่ต้องใช้น้ำมันทั้งหลายแหล่ ผลิตภัณฑ์อาหารที่ เสี่ยงต่อ Trans fat มีดังนี้เอย

- อาหารนอกบ้านที่ไปซื้อเขากิน > > เราไม่รู้แน่ชัดว่าส่วนผสมเขาใช้อะไรบ้างใช้เนยสด หรือใช้มาร์การีนหรือเนยเทียม ใช้น้ำมันประเภทอะไร ว่ากันว่าบรรดาอาหาร+ขนมไดเอททั้งหลายล้วนมี trans fat ผสมทั้งนั้น
กินแล้วไม่อ้วน ไขมันจุกตาย แต่หัวใจสลาย เอ้ย ล้มเหลวเพราะ trans fat แทน (ตอนนี้มาแรงกว่าโรคใดๆ)
- เค้ก บิสกิต คุกกี้ ทุกชนิดที่ในสูตรมี เนยขาว ชอร์ทเทนนิ่งเป็นส่วนผสมล้วนอุดมไปด้วย trans fat
- พวกขนมกรุบกรอบ-ซองๆ ของขบเคี้ยวกินเล่นทั้งหลาย อาทิ พวกมันฝรั่ง
ต้องดูให้ดีว่าเขาใช้น้ำมันอะไรทอด เพราะนั่นก็ที่มาของ trans fat เช่นกัน
(Frito Lay / Chee-tos / แครกเกอร์ไส้ชีส Ritz/ ถั่วทอด ถั่วอบกรอบ เสี่ยงปริมาณ trans fat ทั้งสิ้น)
- คอฟฟี่เมท ครีมเทียม วิปครีม ( ต้องเลือกดูตามฉลาก แต่ละยี่ห้อว่า เขาใช้ส่วนผสมอะไร )
- Crouton / น้ำสลัด สำเร็จรูป
- dips สำเร็จรูปทั้งหลาย
- ผงเกรวี่สำเร็จรูป / ซอส มิกซ์ต่างๆ
- อาหารแช่แข็งแบบสำเร็จรูปที่เอามาอุ่นในไมโครเวฟแล้วกินได้เลย (ก็เข้าข่าย)
- ซุปกระป๋อง / ซุปซองสำเร็จรูป / พีนัท บัตเตอร์ /ซีเรียลอาหารเช้า
อาหารที่แยกย่อยให้อ่านดูเหล่านี้ต่างมีมาร์การีน / >>>>น้ำมันเป็นส่วนผสมหรือใช้ในการปรุง เราไม่อาจรู้ได้เลยว่า เขาใช้น้ำมันอะไร หากเขาไม่ระบุแน่ชัดบนฉลาก อาจมี trans fat ผสมอยู่ได้ทั้งสิ้น
เพราะฉะนั้น ใครที่ไม่เคยกินคุกกี้ดำ แต่เคยกิน
- วิปครีม
- ไอศกรีม
- ครัวซอง พาย ทัพ ชีสเค้ก
(ที่ใช้บิสกิต-คุกกี้ในส่วนที่เป็นครัสท์)
ก็อาจเสร็จ trans fat มาแล้วทั้งนั้น พวกอาหาร fast food อาหารอุตสาหกรรมโรงงาน ขายด้วยปริมาณไม่เน้นคุณภาพ > > ... ตายห้าห้าห้า (หัวเราะก่อนตาย) เขาล่อ trans fat มาให้เราเผลอกินโดยไม่รู้ตัวทั้งนั้น เชื่อ/ไม่เชื่อ
ไปดูตัวอย่างตารางเมนูอาหารที่ขายใน "แมคโดนัลด์" กันสิ > > กดลิงค์ดูกันจะๆ
>>>>http://www.mcdonalds.com/app_controller.nutrition.index1.html

ตะแคงหัวดูตรงส่วนที่เป็น trans fat สิว่า ...... บิ๊ก-แมค .....
ชีสเบอร์เกอร์ 1 > > ชิ้น มี trans fat ผสมอยู่เท่าไหร่
- เฟรนช์ ฟรายขนาดใหญ่ 170 กรัม ... trans fat 8 กรรม
- พายแอปเปิ้ล 1 ชิ้น 77 กรัม ... trans fat 4.5 กรรม
- ไก่นักเก็ต 20 ชิ้น ... trans fat 5 กรรม

ข้อมูลที่เขาระบุไว้นี้ ไม่นานเท่าไหร่ เมื่อเดือน พ.ค. 2006 นี้เองนะ นี่เป็นแค่ตัวอย่างหนึ่งของ trans fat
ตามร้านอาหาร(แค่แห่งเดียว) > > ที่เราๆอาจไม่เคยรู้มาก่อน ยังมี ...ร้านโดนัท ...ร้านพิซซ่า ...ร้านปอเปี๊ยะทอด
ร้านหมี่ผัด take away chinese ...ทั้งหลายแหล่ที่เคยตรวจเจอ trans fat มาแล้วทั้งนั้น

อธิบายเพิ่มเติม ยิ่งน่ากลัวเข้าไปใหญ่เลยไหม? แต่ไม่ต้องตกใจไปหรอก
น่าดีใจด้วยซ้ำที่ทนายเขาฟ้อง "คุกกี้ดำ" - ชนะ
ตอนนี้ผลิตภัณฑ์อาหารและร้านอาหาร "แหลกร่วน" ทั้งหลาย ถูกไล่ตรวจการใช้น้ำมัน-มาร์การีนในสินค้าของว่ามี trans fat > มากมายหรือไม่ ถ้าพบว่า มีมากมาย ก็ต้องถูกเปลี่ยนและเลี่ยงไม่ให้ใช้ทันที
ที่สำคัญที่สุด หากไม่เปลี่ยนส่วนผสม ยังคงใช้ trans fat ต่อไป ก็ต้องระบุให้เห็นชัดๆ ห้ามปกปิดผู้บริโภคอีกต่อไป นี้ประเทศเดนมาร์ก - เป็นประเทศเดียวที่ออกกฎหมายห้ามใช้ trans fatในผลิตภัณฑ์ทุกชนิด แคนาดากำลังเดินหน้าปราบปราม trans fat ลำดับต่อไปประเทศในยุโรปหลายๆ ประเทศกำลังเร่งผลิตกฎหมายออกมาควบคุม

ส่วนเมืองไทย คืบหน้าไปถึงไหน ไม่ทราบได้ รู้แต่ว่า อาหาร-เบเกอรี่อุตสาหกรรมที่วางขายทั่วไป ล้วนอุดมไปด้วย trans fat เกือบทั้งสิ้น

แม่บ้านคนหนึ่ง (ในอเมริกา) เมื่อได้อ่านข้อมูล trans fat เธอไปเปิดคัพบอร์ดในครัว แล้วอ่านฉลากอย่างละเอียดของที่เธอหยิบออกมาวางบนโต๊ะในรูป ล้วนมี trans fatทั้งสิ้น...ดูซะให้เต็มๆตาว่า มันแฝงอยู่ในอาหารมากมายแค่ไหน ที่อเมริกาปัญหานี้ใหญ่โตนัก เพราะบริโภค fast food กันเป็นกิจวัตรและอาหาร diet ทั้งหลายที่โฆษณาว่าเลี่ยงใช้ไขมันที่ไม่ทำให้อ้วน > > ไม่เพิ่มแคลอรี่ส์ แต่กลับอุดมไปด้วย trans fat -
ซึ่งเป็นไขมันชนิดที่ร้ายแรงที่สุด > > ไว้แทน

รู้ได้ยังไง รูปประกอบค่ะ...การซ่อนจำนวน trans fat > > เราคำนวณหามันได้แบบนี้เวลาที่ฉลากระบุจำนวนไขมันไว้ว่า คำนวณจากคุกกี้ 5 ชิ้น (16 กรัม)Total Fat 4 กรัม เป็นไขมันอิ่มตัว 1 กรัมแล้วอีก 3 กรัม คืออะไรเขาไม่บอกชัดๆ ...เพราะมันคือ trans fat ค่ะนี่แหละที่มาแห่ง "คดีโอรีโอ" ที่เราต้องขอบคุณมากมาย

นี่คือ คำอธิบาย ไขมันทรานส์ ที่เราว่า เขียนอ่านง่ายที่สุดแล้ว เอามาจากเว็บคุณหมอ thaiclinic เคยเขียนตอบไว้
(trans = แปรสภาพ) เป็นไขมันที่คนเราทำขึ้นเป็นส่วนใหญ่ > > ขบวนการสำคัญได้แก่
การเติมไฮโดรเจน (hydrogenation) ให้กับโมเลกุลของคาร์บอน
การเติมไฮโดรเจนทำให้น้ำมันเหลวแปรสภาพ กลายเป็นน้ำมันข้นขึ้น ขาวขึ้น
และละลายหรือปนกับน้ำได้ง่ายขึ้น เก็บได้ง่ายที่อุณหภูมิห้อง > ไม่เสียง่าย และเก็บได้นานขึ้นคำกล่าวที่ว่า
น้ำกับน้ำมันไม่มีวันเข้ากันได้” จะเปลี่ยนไปก็ตอนนี้เอง

"ถ้านำน้ำมันมาเติมไฮโดรเจนเข้า น้ำมันจะแขวนลอยในน้ำได้เปรียบคล้ายสบู่ที่แขวนลอยอยู่ในน้ำได้"
ครีมเทียมหรือคอฟฟี่เมตที่มีจำหน่ายประมาณครึ่งหนึ่งเป็นน้ำตาล
อีกครึ่งหนึ่งเป็นไขมันเติมไฮโดรเจนไปบางส่วน ทำให้ไขมันบางส่วนแปรไปเป็นไขมันทรานส์


* * * ตัวอย่างไขมันทรานส์
ไขมันทรานส์พบมากในครีมเทียม(คอฟฟี่เมต) เนยเทียม ขนมปังกรอบ (crackers)
ขนมท้อฟฟี่ ขนมปังปิ้ง คุกกี้ ขนมสำเร็จรูป อาหารทอด สลัดน้ำข้น ฯลฯ

นอกจากนั้นการทำอาหารที่ใช้ความร้อนต่อเนื่องกันนานๆ
หรือน้ำมันทอดที่ใช้ซ้ำหลายครั้ง เช่น .......กล้วยทอด .......มันทอด ฯลฯ
มีส่วนทำให้เกิดไขมันทรานส์ได้
การใช้น้ำมันจึงควรใช้ครั้งเดียวแล้วทิ้งส่วนที่เหลือ
ต่อไปนี้ กฎหมายกำลังจะออกมาบังคับให้ทุกสินค้า
ต้องแจกแจง trans fat เป้งๆ ห้ามปกปิดข้อมูลผู้บริโภคอีกต่อไป

Thursday, February 22, 2007

แด่คุณครูทุกท่าน

Teacher & Student


คุณครูทอมป์สันโกหกนักเรียนชั้น ป.5 ของครูทั้งชั้นซะแล้ว ตั้งแต่วันแรกเลยด้วย
คุณครูบอกเขาว่าครูรักเด็กๆ เท่ากันหมดเลย แต่นั่นก็เป็นไปไม่ได้
เพราะว่ามีเด็กตัวเล็กๆ ท่าทางขี้เกียจคนนึง ชื่อ เท็ดดี้ สต๊อดดารด์ ครูทอมป์สันได้จับตาดูเท็ดดี้มาปีนึงและ
สังเกตว่าเขาไม่ค่อยเล่นดีๆ กับเด็กคนอื่นเท่าไหร่ ว่าเสื้อผ้าของเขาสกปรกและเค้าตัวเหม็นหึ่งอยู่ตลอดเวลาด้วยแหละ
และบางทีเท็ดดี้ก็เกเรด้วย ถึงขั้นที่ว่าครูทอมป์สันสนุกกับการตรวจงานของเท็ดดี้ ด้วยหมึกสีแดง กากบาทไปหนาๆ และใส่ตัว F ตัวใหญ่ๆ ลงไปบนหัวกระดาษ

ที่โรงเรียนที่คุณครูทอมป์สันสอน คุณครูต้องทบทวนประวัติของเด็กแต่ละคนด้วย และครูก็ไม่ยอมตรวจประวัติของเท็ดดี้จนกระทั่งเหลือแฟ้มสุดท้าย
แต่เมื่อคุณครูตรวจแฟ้มเข้า ครูทอมป์สันก็แปลกใจใหญ่เลยครับ เมื่อพบว่าครูชั้น ป.1 ของเท็ดดี้วิจารณ์มาว่า
"น้องเท็ดดี้เป็นเด็กที่ฉลาดและร่าเริง ทำงานเรียบร้อย มารยาทดี เป็นเด็กที่น่ารักมากทีเดียว"
คุณครูที่สอนเท็ดดี้ตอน ป.2 เขียนว่า "เท็ดดี้เป็นเด็กที่เรียนเก่งมาก เพื่อนๆ ชอบกันทุกคน แต่กำลังมีปัญหา เพราะแม่ของเท็ดกำลังป่วยหนักและชีวิตทางบ้านต้องลำบากมากแน่ๆ"
คุณครูที่สอนเท็ดดี้ตอน ป.3 เขียนว่า "เขาเสียใจมากที่เสียแม่ไป เขาพยายามเต็มที่แล้ว แต่คุณพ่อก็ไม่ค่อยให้ความรัก ความสนใจเขาเท่าไหร่
และชีวิตที่บ้านเขาต้องส่งผลกระทบต่อเขาแน่ๆ ถ้าไม่มีคนยื่นมือเข้ามาช่วยเหลือ"
คุณครูที่สอนเท็ดดี้ตอน ป.4 เขียนว่า "เท็ดดี้ไม่ยอมเข้าสังคมและไม่ค่อยสนใจการเรียนเท่าที่ควรไม่ค่อยมีเพื่อน และหลับในห้องเรียน

ตอนนี้ คุณครูทอมป์สันรู้ถึงปัญหาแล้ว และอับอายในการกระทำของตนเองมาก ครูรู้สึกแย่ยิ่งกว่าเดิมอีกเมื่อนักเรียนในห้องซื้อของขวัญวันคริสต์มาสมาให้
ห่อในกระดาษสีสดๆ พร้อมผูกโบว์อย่างดี ยกเว้นแต่ของเท็ดดี้
ของขวัญของเท็ดดี้ถูกห่ออย่างหยาบๆ ในกระดาษลูกฟูกหนาๆ ที่ได้มาจากถุงใส่กับข้าว
ครูทอมป์สันกัดฟันเปิดกล่องของเท็ดดี้ดู ท่ามกลางกองของขวัญอื่น ๆ
เด็กบางคนเริ่มหัวเราะเมื่อเห็นว่าเท็ดดี้ให้กำไลลูกปัดที่ไม่ครบเส้น และขวดน้ำหอมที่เหลือน้ำอยู่ก้นขวดแก่เธอ
แต่ครูก็หยุดเสียงหัวเราะของเด็ก ๆ เมื่อครูเอ่ยขึ้นว่ากำไลเส้นนั้นสวยเพียงใดสวมมันไว้ที่ข้อมือ และฉีดน้ำหอมไปบนข้อมือด้วย
เท็ดดี้ สต๊อดดารด์ ยืนอยู่ให้นานพอที่จะพูดว่า "ครูทอมป์สันครับ วันนี้ครูตัวหอมเหมือนที่แม่ผมเคยหอมเลยครับ"

หลังจากที่นักเรียนทุกคนกลับบ้าน ครูทอมป์สันก็ร้องไห้อย่างนั้นเป็นชั่วโมง
วันนั้นเอง คุณครูเลิกสอนหนังสือ เลิกสอนการเขียน และเลิกสอนเลขคณิต คุณครูเริ่มสอนเด็กๆ แทน
คุณครูทอมป์สันเอาใจใส่เท็ดดี้เป็นพิเศษ เมื่อครูพยายามช่วยเขา จิตใจของเขาก็กลับมามีชีวิตชีวาอีกครั้ง
ยิ่งครูให้กำลังใจเท็ดดี้เท่าไหร่ เขาก็ยิ่งตอบรับเร็วขึ้นเท่านั้น

ภายในสิ้นปีนั้น เท็ดดี้ได้กลายเป็นเด็กที่ฉลาดที่สุดในห้อง และแม้ว่าคุณครูจะบอกว่าครูรักเด็กทุกคนเท่ากัน เท็ดดี้ก็ได้กลายไปเป็น"ศิษย์โปรด" ของครู

หนึ่งปีต่อมา คุณครูพบจดหมายอยู่ใต้ประตู จดหมายนั้นมาจากเท็ดดี้ บอกครูว่าคุณครูยังเป็นครูที่ดีที่สุดที่เขาเคยมี
หกปีต่อมาครูก็ได้จดหมายจากเท็ดดี้อีก บอกว่าเขาเรียนจบ ม.ปลายแล้ว ได้ที่สามในทั้งระดับ และคุณครูยังคงเป็นครูที่ดีที่สุดที่เขาเคยเจอมาในชีวิต
สี่ปีหลังจากนั้น คุณครูก็ได้จดหมายอีก บอกว่าแม้ว่าชีวิตเขาจะลำบากบ้าง เขาก็ไม่ได้เลิกเรียนหนังสือ และจะจบปริญญาตรีในเร็วๆ นี้ด้วยเกียรตินิยมอันดับหนึ่ง(เหรียญทอง)
และยังย้ำกับครูทอมป์สันว่า คุณครูเป็นครูที่ดีที่สุดและเป็นครูคนโปรดในชีวิตเขา

จากนั้นสี่ปีผ่านไปแต่จดหมายอีกฉบับหนึ่งก็มา ครั้งนี้เขาอธิบายว่าหลังจากที่เขาได้รับปริญญาตรีแล้ว เขาตัดสินใจที่จะเรียนต่ออีกนิด
จดหมายนั้นอธิบายว่าคุณครูยังเป็นครูคนที่ดีที่สุดที่เขาเคยมี แต่ตอนนี้ชื่อของเขายาวขึ้นอีกหน่อย จดหมายนั้นลงชื่อว่า นพ. ทีโอดอร์ เอฟ สต๊อดดารด์

เรื่องยังไม่จบแค่นี้นะ คือว่า ฤดูใบไม้ผลินั้นก็ยังมีจดหมายมาอีก เท็ดดี้บอกว่า เขาได้เจอสาวคนนึงและก็จะแต่งงานกัน
เขาอธิบายว่าพ่อของเขาได้เสียไปเมื่อสองสามปีก่อนและเขาสงสัยว่าคุณครูทอมป์สัน จะตกลงมานั่งในที่นั่งสำหรับพ่อเจ้าบ่าวในงานแต่งงานหรือไม่
แน่นอนที่สุด ครูทอมป์สันก็มา และทายสิว่าเกิดอะไรขึ้น คุณครูใส่กำไลข้อมือเส้นนั้น เส้นที่มีลูกปัดหายไปหลายลูก
และต้องฉีดน้ำหอมที่เท็ดดี้จำได้ว่าแม่เขาฉีดตอนที่ฉลองเทศกาลคริสต์มาสครั้งสุดท้ายด้วยกัน

ครูกับศิษย์กอดกันกลมเลย และคุณหมอเท็ดก็กระซิบในหูคุณครูทอมป์สันว่า
"ขอบคุณมากนะครับคุณครูที่เชื่อในตัวผม ขอบคุณมากที่ทำให้ผมรู้สึกสำคัญและแสดงให้ผมเห็นว่าผมสามารถที่จะเปลี่ยนแปลง สิ่งต่างๆ ได้"

ครูทอมป์สันกระซิบตอบพร้อมน้ำตานองหน้าว่า "หมอเท็ด เธอเข้าใจผิดแล้วแหละ เธอต่างหากที่สอนครูว่า ครูสามารถเปลี่ยนแปลงสิ่งต่างๆ ได้
ครูไม่รู้จักการสอนจนกระทั่งครูได้พบ ได้รู้จักเธอนั่นแหละ"

เติมเต็มหัวใจของคนอื่นด้วยความรักเสียแต่วันนี้...........
ส่งต่อเรื่องนี้ไปให้คนอื่นได้อ่านด้วยและโปรดจำว่า ไม่ว่าคุณจะไปไหน
หรือทำอะไร คุณจะมีโอกาสที่จะสัมผัสและ/หรือเปลี่ยนอนาคตของคนอื่นเสมอ

ขอให้คุณสัมผัสและเปลี่ยนอนาคตของคนอื่นในทางทีดีด้วยล่ะ

10 อาหารอันตรายขณะท้องว่าง

> อาหารทุกชนิดก็มีประโยชน์ แตกต่างกันออกไป แต่ก็มีอาหารอีกบางชนิด
> ที่เป็นอาหารที่เมื่อทานในขณะที่ท้องไม่ว่างนั้น จะเกิดประโยชน์
> แต่ถ้าเกิดทานขณะท้องว่างรับรองว่า เกิดโทษมากกว่าประโยชน์แน่นอน
> เรามาดูกันดีกว่าค่ะว่า อาหารชนิดใดบ้างที่ห้ามรับประทานขณะ
> ท้องว่าง
>
> นมและนมถั่วเหลือง
> แม้ว่านมถั่วเหลืองจะอุดมไปด้วยโปรตีน แต่จะเกิด ประสิทธิภาพมากที่สุด
> เมื่อกระเพาะอาหารมีสารประเภทแป้งอยู่
>
> เหล้า
> หากดื่มเหล้าในขณะท้องว่าง จะไปกระตุ้นเยื่อบุกระเพาะอาหาร
> ทำให้เป็นโรคกระเพาะอาหารอักเสบ และเป็นแผลในกระเพาะอาหาร
> ได้
>
> น้ำตาลหรืออาหารหวาน
> ไม่ควรรับประทานอาหารหวานหรือน้ำตาล เช่น น้ำอัดลม ลูกอม ช็อกโกแลต
> เพราะหากรับประทานขณะท้องว่าง
> จะทำให้โปรตีนรวมตัวกับน้ำตาลส่ง ผลต่อการ ดูดซึมโปรตีนทุกชนิด
> และลดสมรรถภาพการทำงานของระบบหมุนเวียนเลือดและไต
>
> ชาที่แก่เกินไป
> ชาทำให้กรดเกลือในน้ำย่อยในกระเพาะอาหารเจือจาง
> ส่งผลให้การทำงานของระบบย่อยอาหารลดลง และเกิดอาการใจสั่น เวียน
> ศีรษะ
> มือเท้าไม่มีแรง จิตใจไม่สงบ
>
> ลูกพลับ
> ไม่ควรรับประทานลูกพลับในขณะที่ท้องว่าง เพราะกระเพาะอาหารจะหลั่ง
> กรดเกลือออกมามาก หากไปรวมตัวกับยาง และสารแขวน
> ลอยในลูกพลับแล้ว จะทำให้เจ็บหน้าอก คลื่นไส้ และเป็นแผลในกระเพาะอาหาร
>
> กล้วย
> เพราะกล้วยอุดมไปด้วยธาตุแมกนีเซียม การรับประทานกล้วยขณะท้องว่าง
> จะทำให้ปริมาณธาตุแมกนีเซียมในเลือดสูงขึ้น ทำให้สูญเสียสัด
> ส่วนของแคลเซียมและแมกนีเซียมไป เป็น การยับยั้งการทำงานของหลอดเลือดหัวใจ
> เป็นอันตรายต่อสุขภาพอย่างยิ่ง
>
> กระเทียม
> เพราะจะทำให้เยื่อบุกระเพาะอาหารได้รับการกระตุ้น เกิดโรค
> กระเพาะอาหารอักเสบอย่างรุนแรง ผัก การรับประทานผักอย่างเดียว
> ขณะท้องว่าง จะทำให้กระเพาะอาหารเกิดอาการผิดปกติ
>
> นอกจากนั้นยังไม่ควรอาบน้ำหลังออกกำลังกาย ด้วยเช่นกัน เพราะการอาบน้ำและ
> การออกกำลังกายภายในขณะที่ท้องว่าง จะทำให้เกิด
> อาการช็อก เนื่องจากน้ำตาลในเลือดต่ำได้ง่าย
>
> ดังนั้น เราก็ควรรับประทานอาหารให้ครบทั้ง 3 มื้อ
> และเลือกทานอาหารที่มีประโยชน์กับร่างกายของเราดีกว่านะ

Tuesday, February 20, 2007

ต้องการชุดนักเรียนมือสองจำนวนมาก

Subject: ชุดนักเรียนมือสอง

อาจารย์บ้านนอก.คอม ขอรับการแบ่งปันน้ำใจจากทุกท่าน ระดมชุดนักเรียนมือสอง 1,000 ชุด ลองช่วยกันเปิดตู้เสื้อผ้าที่บ้านดูว่า มีชุดนักเรียนที่ไม่ใส่แล้ว ถูกพับเก็บไว้บ้างหรือไม่
ไม่ต้องลังเลใจ หากมันจะเปื้อน หรือออกสีเหลืองนิดๆ เพียงแค่ไม่ให้มีกลิ่น พับใส่กล่องพัสดุ ส่งไปบริจาคให้กับเด็กในชนบท เพราะทุกเปิดเทอม เด็กบางคนไม่ได้ไปโรงเรียน เพียงแค่พ่อแม่ไม่มีเงิน สำหรับเป็นค่าใช้จ่ายอุปกรณ์การเรียนการสอนพื้นฐานเหล่านี้ ชุดนักเรียนชายหรือ หญิง โดยเฉพาะช ุดลูกเสือ เนตรนารี ( ไม่มีปัญหาเรื่องชื่อรร.ที่ปักอยู่)
รองเท้า เข็มขัด หมวก ผ้าพันคอ เชือกลูกเสือ ล้วนเป็นประโยชน์ต่อเด็กในชนบท โดยส่งมาได้ที่ กลุ่มศิลปวัฒนธรรมกระจกเงา 106 ม. 1 ต.แม่ยาว อ.เมือง จ.เชียงราย 57100
( กรุณาเขียนติดที่กล่องด้วยว่าชุดนักเรียนบริจาค และพร้อมชื่อที่ติดต่อของผู้ส่ง ถ้ามี email ด้วยจะดีมากครับ)
รบกวนส่ง email ฉบับนี้ถึงเพื่อนของคุณ ที่จะอาจจะมีส่วนร่วมในโครงการนี้ได้ หรือสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่
สมบัติ บุญงามอนง
superbuff@bannok.com

Monday, February 19, 2007

การค้นพบ กฎ 90/10

การค้นพบ กฎ 90/10
กฎนี้จะทำให้ชีวิตของคุณเปลี่ยนไป (อย่างน้อยที่สุดก็ในเรื่องที่คุณมีปฏิกริยาต่อสิ่งที่เกิดขึ้นทั้งหลาย)
กฎนี้ว่าอย่างไรล่ะ? ชีวิตของคุณประกอบไปด้วยสิ่งที่เกิดขึ้นกับตัวคุณแค่ 10% แต่อีก 90%ของชีวิตคุณขึ้นอยู่กับว่าคุณมีปฎิกริยาตอบสนองต่อเหตุการณ์ต่างๆอย่างไร
มันหมายความว่าอย่างไรกันล่ะ? เราไม่สามารถจะควบคุมสิ่งต่างๆ 10% ที่มันเกิดขึ้นกับเราได้
เราไม่สามารถห้ามไม่ให้รถเสียได้ เราห้ามไม่ให้เครื่องบินถึงช้ากว่าตารางที่กำหนดไม่ได้ – ซึ่งจะทำให้ตารางกำหนดการต่างๆของเรายุ่งเหยิงไปหมด เราห้ามไม่ให้คนอื่นๆ ขับรถปาดหน้ารถเราไม่ได้
สิ่งเหล่านี้ เราไม่สามารถควบคุม เจ้า 10% นี้ได้ แต่เจ้า 90% นี่สิ...มันต่างกัน คุณสามารถกำหนดเจ้า 90% ที่เหลือได้
ทำได้ยังไงกัน? ...ก็โดยที่เรามีปฎิกริยาตอบสนองต่อสิ่งต่างๆไงล่ะ
คุณไม่สามารถควบคุมไฟสัญญาณจราจรได้ แต่คุณสามารถควบคุมตัวคุณให้ตอบสนองต่อสัญญาณไฟจราจรได้ อย่าให้ใครมาหลอกคุณได้ ตัวคุณสามารถควบคุมได้ว่าตัวคุณจะแสดงปฎิกริยาออกมาอย่างไร
ลองดูตัวอย่างครับ
คุณกำลังทานอาหารเช้ากับครอบครัวอยู่ ลูกสาวบังเอิญปัดถ้วยกาแฟหกใส่เสื้อทำงานของคุณ คุณไม่สามารถควบคุมสิ่งที่ได้เกิดขึ้นไปแล้วได้
แต่สิ่งที่จะเกิดขึ้นต่อไปจะเป็นผลจากการที่ท่านแสดงปฎิกริยาออกไปอย่างไร
ท่านสถบ
ท่านดุลูกสาวอย่างเกรี้ยวกราดที่ทำกาแฟหก ลูกสาวร้องไห้ด้วยความเสียใจ หลังจากที่ได้ดุลูกไปแล้ว คุณหันไปที่ภรรยาแล้วต่อว่าที่เธอวางถ้วยกาแฟไว้ใกล้ขอบโต๊ะมากเกินไป ต่อมาก็เป็นการทุ่มเถียงกัน แล้วคุณก็รีบขึ้นไปห้องชั้นบนเพื่อเปลี่ยนเสื้อตัวใหม่ จากนั้นก็กลับลงมาชั้นล่างแล้วก็พบว่าลูกสาวยังร้องไห้ไม่เลิก ก็เลยทานอาหารเช้าไม่เสร็จ พอรถโรงเรียนมารับ เธอก็ออกไปไม่ทันรถโรงเรียนที่มารับ
ภรรยาคุณต้องรีบไปที่ทำงานแต่เช้าวันนี้ คุณเลยต้องรีบออกรถเพื่อไปส่งลูกสาวก่อน เพราะว่าออกจากบ้านสายคุณก็เลยต้องรับ คุณขับรถ 60 ก.ม. ต่อชั่วโมง ในเขตในเมืองที่ไม่ควรขับเร็วกว่า 40 ก.ม. ต่อชั่วโมง
หลังจากที่สายไป 15 นาที และเสียค่าปรับให้ตำรวจไปแล้ว ในที่สุดก็ถึงโรงเรียน ลูกสาวก็วิ่งเข้าโรงเรียนโดยที่ไม่ได้สวัสดีลา พอมาถึงที่ทำงานสายไป 20 นาที ก็นึกได้ว่าาลืมกระเป๋าเอกสารไว้ที่บ้าน การทำงานก็เริ่มต้นด้วยความขรุกขระ เวลาผ่านไป ก็ยิ่งแย่ลงเรื่อยๆ ก็ได้แต่ตั้งหน้าตั้งตารอให้ถึงเวลาเลิกงาน
เมื่อคุณกลับมาถึงบ้าน ก็พบว่าความสัมพันธ์ของคุณกับลูกสาวและภรรยามีรอยร้าวซะแล้ว
เกิดอะไรขึ้นล่ะ?...ก็เพราะสิ่งที่คุณแสดงปฎิกริยาออกไปเมื่อเช้านี้ไงล่ะ
ทำไมคุณถีงมีวันอะไรที่เฮงซวยอย่างนี้?
ก กาแฟทำให้มันเกิดขึ้นหรือเปล่า
ข ลูกสาวทำให้เป็นอย่างนี้หรือ
ค ตำรวจทำหรือไม่
ง คุณทำให้มันเป็นเองไม่ใช่หรือ
คำตอบที่ถูกต้อง คือ ข้อ ง
คุณไม่สามารถควบคุมอะไรได้กับการที่กาแฟหก แต่ว่าสิ่งที่คุณแสดงปฏิกิริยาตอบสนองภายใน 5 วินาทีต่อสิ่งที่เกิดขึ้นนั่นแหละที่ทำให้คุณเจอกับวันที่เฮงซวย
นี่เป็นสิ่งที่น่าจะเกิดขึ้น และ ควรจะเกิดขึ้น
กาแฟหกใส่คุณ ลูกสาวกำลังหน้าเบ้จะร้องไห้ คุณพูดอย่างนุ่มนวลว่า “ไม่เป็นไรจ้า คราวหน้าหนูระวังๆหน่อยนะ” คุณเอื้อมมือไปหยิบกระดาษมาเช็ดแล้ววิ่งขึ้นชั้นบนไป คุณลงมาชั้นล่างหลังจากเปลี่ยนเสื้อตัวใหม่พร้อมกับหิ้วกระเป๋าเอกสารติดมาด้วย ทันเวลาที่มองลอดหน้าต่างไป เห็นลูกกำลังจะไปขึ้นรถโรงเรียน เธอหันกลับมาโบกมือลาพร้อมสวัสดี คุณไปถึงที่ทำงานก่อนเวลา 5 นาทีแล้วมีเวลาทักทายคนโน้นคนนี้ด้วยอารมณ์ที่สดชื่น เจ้านายออกปากว่าคุณต้องมีอะไรดีแน่เลยวันนี้ถึงได้อารมณ์แจ่มใส
เห็นความแตกต่างไหมครับ?
เหตุการณ์จำลอง 2 แบบ ทั้งคู่เริ่มต้นเหมือนกัน แต่จบลงต่างกัน
ทำไมล่ะ?
เพราะสิ่งที่คุณแสดงปฎิกริยาตอบสนองออกไปไงล่ะ
คุณไม่มีทางที่จะควบคุมเจ้า 10% ของสิ่งต่างๆที่เกิดขึ้นกับตัวคุณได้ แต่อีก 90% น่ะขึ้นอยู่กับการแสดงปฎิกริยาตอบสนองของคุณออกไปยังไงล่ะ
ลองมาดูวิธีต่างๆที่จะนำกฎ 90/10 ไปใช้ ถ้าหากมีใครบางคนพูดจาที่ทำให้คุณเสียหาย ก็อย่างทำตัวเป็นฟองน้ำล่ะ (รับเอาสิ่งเหล่านั้นเข้าตัว) จงปล่อยให้มันไหลไปซะเถอะ เหมือนน้ำที่ไม่ติดอยู่บนแผ่นแก้วนั่นแหละ จงอย่าปล่อยให้คำพูดกล่าวร้ายทำให้คุณประสาทเสียซะล่ะ
ตอบสนองให้ดีแล้วสิ่งทั้งหลายจะไม่มีวันทำให้คุณเจอกับวันเฮงซวยได้ การมีปฏิกิริยาตอบสนองที่ผิดพลาด อาจทำให้เสียเพื่อน โดนไล่ออกจากงาน ประสาทเสีย และอื่นๆ
คุณมีปฎิกริยาตอบสนองอย่างไรหากมีคนขับรถปาดหน้ารถคุณ? คุณเกิดอารมณ์ฉุนเฉียวหรือเปล่า เอามือทุบพวงมาลัยพร้อมด่าแม่มันในใจใช่ไหม? เพื่อนของผมคนหนึ่งเคยทำพวงมาลัยรถหลุด... คุณสถบ ตะโกนด่าหรือไม่? เลือดของคุณสูบฉีดปรีดจนเส้นเลือดบนหน้าผากโป่งเลยหรือเปล่า? คุณพยายามหรือแกล้งขับรถไปเฉี่ยวรถคันนั้นจริงๆหรือไม่?
ใครสนล่ะ หากคุณไปทำงานสาย 10 วินาที ทำไมปล่อยให้รถเนี่ยมีบทบาทต่อการขับรถของคุณล่ะ
กรุณาจำกฎ 90/10 ให้ขึ้นใจ แล้วไม่ต้องไปสนใจมัน
ถ้าเขาแจ้งคุณว่าคุณถูกให้ออกจากงาน
ทำไมจะต้องหงุดหงิดและนอนไม่หลับด้วยล่ะ มันก็จะลงตัวเองล่ะ แทนที่จะเสียเวลาและกำลังไปกับการกังวลก็ให้ประหยัดพลังและเวลาเอาไว้ใช้หางานใหม่ไม่ดีกว่าหรือ
เครื่องบินมาถึงที่หมายช้ากว่ากำหนดการ; มันก็อาจทำให้กำหนดการทั้งวันของคุณยุ่งเหยิงไปหมด ทำไมคุณถึงไปปล่อยอารมณ์บูดใส่พนักงานต้อนรับบนเครื่องบินล่ะ พวกเขาไม่ได้เป็นคนควบคุมให้เครื่องบินมาตรงเวลาได้ซะหน่อย
ทำไมไม่ใช้เวลาทำความรู้จักกับผู้โดยสารคนอื่นๆล่ะ ทำไมจะต้องเครียดด้วย นั่นยิ่งทำให้สิ่งต่างๆแย่ลงไปกว่าเดิมอีก
ตอนนี้ พวกคุณรู้เรื่อง กฎ 90/10 แล้ว นำกฎนี้ไปใช้แล้วคุณจะปลาดใจกับสิ่งดีๆที่ได้รับ
ท่านจะไม่เสียอะไรเลย ถ้าท่านลองใช้กฎนี้ กฎ 90/10 นี่ยอดเยี่ยมากเลย มีคนจำนวนไม่มากที่รู้จักและนำกฎนี้ไปใช้
ผลล่ะเป็นอย่างไร?
คนหลายล้านที่มีปัญหาจากความเครียด การฟ้องร้อง ปัญหาต่างๆ และเรื่องกวนใจ เราทั้งหมดต้องเข้าใจและนำกฎ 90/10 ไปใช้
กฎนี้สามารถทำให้ชีวิตของคุณเปลี่ยนไปได้
ขอให้สนุกครับ........
ผู้เขียน : Stephen Covey

โภชนาการชำรุด

สัญญาณเตือนเมื่อโภชนาการชำรุด ร่างกายของคุณเกิดมีปฏิกิริยาตอบกลับมาเป็นผดผื่น คัน ผิวหนังลอกเป็นขุยแล้วล่ะก็ แสดงว่าคุณกำลังทานอาหารไม่ถูกต้องอยู่นะคะ วันนี้เราจึงนำ สัญญาณ 10 ประการที่ร่างกายคุณฟ้องว่าคุณทานอาหารไม่เหมาะสมมาฝากกัน1. ผิวหนังมีปัญหา เช่น มีอาการคัน หรือลอกเป็นขุย แม้จะไม่ใช่ช่วงหน้าหนาว อาการเช่นนี้อาจเป็นลักษณะของการ ขาดวิตามิน A ผักและผลไม้ ที่มีสีเหลือง สีส้ม หรือสีเขียวเข้ม ล้วนแต่อุดมไปด้วยวิตามิน A เพียงพอที่จะทำให้ผิวคุณเป็นปกติ ไม่ควรทานวิตามิน A เสริมที่อยู่ในรูปแบบเม็ด เพราะการได้รับโดยตรงเช่นนี้มากเกินไปจะเป็นอันตรายได้2. ผมไม่เงางาม ในกรณีที่รุนแรง ผมของคุณจะไม่สามารถจัดทรงได้เลย เป็นผลมาจากการ ขาดโปรตีนและธาตุเหล็ก โดยเฉพาะกลุ่มคนที่เป็นมังสวิรัติ หรือคนที่จำกัดอาหารอย่างมาก ดังนั้นคุณจึงควรที่จะทานอาหารที่มีกากใยควบคู่ไปกับการออกกำลังกาย ส่วนคนที่เป็นมังสวิรัติ ต้องได้สารอาหารจาก พืชผัก ข้าว และ ถั่ว ในอัตราส่วนที่เหมาะสม เพื่อที่จะได้โปรตีนทดแทนโปรตีนจากเนื้อสัตว์ที่ขาดไป และเพิ่มเติมด้วยกะหล่ำดอก และผลไม้เปลือกแข็ง เช่น เกาลัด ถั่วแขก และถั่วเหลือง ซึ่งอุดมไปด้วยไบโอติน3. ท้องผูก เป็นอาการที่กำลังบอกคุณว่า คุณต้องได้สารอาหารพวก ไฟเบอร์ หรืออาหารที่มีกากใย เช่น ผักผลไม้ต่าง ๆ อย่างน้อยวันละ 25 กรัม และดื่มน้ำให้มากขึ้นด้วย4. ผายลมบ่อย ( ตด...เหม็น) แม้ว่าไฟเบอร์จะมีประโยชน์ แต่ถ้ากินมากเกินไป หรือได้รับสารอาหารประเภทนี้เร็วเกินไป เช่น กินถั่ว หรือไม้จำพวกที่มีฝัก เช่น กระถิน ทองหลาง ร่างกายของคุณจะผลิตแก๊สตามออกมามากกว่าอาหารที่ย่อยง่ายตามปกติ วิธีแก้ปัญหาคือค่อย ๆ เพิ่มสารอาหารพวกไฟเบอร์อย่างช้า ๆ ถ้าคุณเคยกินแค่เพียงวันละ 10 กรัม อย่าผลีผลามเพิ่มเป็น 25 กรัมในวันรุ่งขึ้น ในสัปดาห์แรกเพิ่มแค่เพียง 5 กรัม แล้วสัปดาห์ต่อมาค่อยเพิ่มอีก 5 กรัม5. ข้อต่อมีเสียงดังหรือปวดบริเวณข้อต่อ อย่าเพิ่งไปโทษโรคข้ออักเสบ อาจเป็นไปได้ว่าคุณกิน ปลาน้อยเกินไป กรดไขมันประเภทโอเมก้า -3 ที่พบมากในปลา เช่น ปลาแซลมอน ปลาทูน่า จะทำให้ข้อต่อของคุณเคลื่อนไหวได้สะดวกขึ้น ซึ่งจะช่วยให้กระแสโลหิตไหลเวียนดีขึ้น ลดอาการบวมและปวดบริเวณข้อต่อ6. สเปิร์มน้อยลงไปมาก ถ้าคุณกำลังพยายามที่จะมีลูก และมีปัญหาระดับของสเปิร์มต่ำกว่าปกติ อาจเป็นไปได้ว่าคุณ ขาดวิตามิน C ซึ่งเป็นตัวสำคัญในการกระตุ้นการทำงานระบบภูมิคุ้มกันของร่างกายจากการศึกษาพบว่า วิตามิน C ยังช่วยในการรักษาปริมาณและความสมบูรณ์ของตัวสเปิร์มด้วย Earl Dawson, Ph.D., ที่ University of Texas Medical Branch ที่ Galveston แนะนำว่าให้ผู้ชายดื่มน้ำส้มอย่างน้อยวันละประมาณ 1 ลิตรทุกวัน โดยบอกว่าวิตามิน C มีส่วนช่วยป้องกันสเปิร์มจากอันตรายและความเสียหายในทุกๆ ด้าน 7. หัวใจเต้นผิดปกติ หัวใจของคนเราเป็นกล้ามเนื้อที่มีการบีบตัวมากกว่า 100,000 ครั้งต่อวัน คงไม่สามารถทำงานอย่างสมบูรณ์แบบได้ตลอดเวลา แต่ถ้าอยู่ ๆ คุณรู้สึกว่าหัวใจเต้นเร็วกว่าปกติ หรือเต้น ๆ หยุด ๆ โดยไม่มีเหตุผล ถ้ามีอาการเจ็บปวด หรือหน้ามืด เวียนศีรษะด้วย ให้รีบไปพบแพทย์ทันที แต่ถ้าแพทย์พบว่าไม่มีอะไรผิดปกติ แต่หัวใจคุณก็ยังมีอาการเต้นผิดปกติในบางครั้ง คุณอาจจะ ขาดสารอาหารพวกแม็กนีเซียมหรือโปแตสเซียมสำหรับโปแตสเซียม ให้ดื่มน้ำส้มวันละ 2-3 แก้ว ช่วงอาหารเช้าให้เพิ่มกล้วยเข้าไปในส่วนหนึ่งของเมนู สำหรับแม็กนีเซียม ให้ทานอาหารว่างที่เป็นพวกเม็ดมะม่วงหิมพานต์ เมล็ดทานตะวัน หรือเมล็ดฟักทอง และผักโขม เป็นอีกตัวหนึ่งที่มีแร่ธาตุช่วยในการทำงานของหัวใจ8. ปวดเหงือก ถ้าการเจ็บปวดเกิดจากการอักเสบ ก่อให้เกิดความเจ็บปวดและปัญหาของเหงือก แสดงว่าปากของคุณกำลังต้องการ แบคทีเรียที่มีประโยชน์ ให้มาช่วยจัดการกับแบคทีเรียในปากที่มีอันตราย ให้กินโยเกิร์ตที่มีแบคทีเรียที่เราต้องการเป็นอาหารว่างในช่วงเช้าของทุกวัน9. กระดูกแตก ถ้ากระดูกคุณแตกมากกว่า 2-3 ครั้งตั้งแต่โตเป็นผู้ใหญ่ อาจเป็นไปได้ว่ากระดูกของคุณอยู่ในภาวะอ่อนแอ อาจมีสาเหตุมาจากการขาดวิตามิน D และแคลเซียม ซึ่งเป็นตัวประกอบที่สำคัญในการสร้างกระดูก ผู้ชายก็ต้องการแคลเซียมมากเหมือน ๆ ผู้หญิง เพราะผู้ชายมักจะกินเนื้อมากกว่า ซึ่งอุดมไปด้วยฟอสฟอรัส ยิ่งร่างกายได้รับฟอสฟอรัสมากเท่าไร ก็ยิ่งต้องการแคลเซียมมากขึ้นเท่านั้น อาหารที่อุดมไปด้วยแคลเซียม ได้แก่ ปลาเล็กปลาน้อย กุ้งแห้ง โยเกิร์ต นมและเนยแข็ง (ไขมันต่ำได้ก็ดี)10. ขี้ลืม อาจเป็นได้ว่าคุณขาดวิตามิน B ในการศึกษาที่ USDA Human Nutrition Research Center in Boston นักวิจัยพบว่าผู้ชายที่มีระดับของวิตามิน B 6 B 12 และ B folate สูงในเลือด จะมีความทรงจำที่ดีกว่าจากการทดสอบพบว่าสารอาหารพวกนี้ช่วยให้สมองทำงานได้เต็มที่ และยังช่วยควบคุม homocysteine ซึ่งเป็นกรดอะมิโนชนิดหนึ่งที่อยู่ในร่างกาย ซึ่งเป็นตัวขัดขวางการที่เลือดจะไปหล่อเลี้ยงสมอง ถั่วเป็นอาหารที่อุดมไปด้วยวิตามิน B 6 และโฟเลต มากที่สุด และไม่ต้องกังวลกับการขาดวิตามิน B 12 เพราะมีมากในเนื้อสัตว์และอาหารทะเล หมั่นสังเกตตัวเองสักนิดแล้วจะรู้ว่าร่างกายของท่านเรียกร้องอะไร

>>Subject: วัดพระบาทน้ำพุ อาจต้องปิดใน 3 เดือน!!!

>>Subject: วัดพระบาทน้ำพุ อาจต้องปิดใน 3 เดือน!!!,
>>ขาดเงินบริจาคเป็นจำนวนมากทุกเดือน>>Date: Thu, 15 Feb 2007 16:26:43 -0800 (PST)
>>>>ทุกวันนี้
>>ที่วัดมีผู้ป่วยและเด็กกำพร้าที่หลวงพ่อต้องคอยดูแลรวมถึงพนักงานและอาสาสมัครราวหนึ่ง
>>พันคน>>ค่าใช้จ่ายต่อเดือนประมาณสามล้านกว่าบาท
>>แต่ยอดบริจาคกลับน้อยลงเนื่องจากสภาวะเศรษฐกิจที่ซบเซา
>>เห็นว่าลดลงเหลือเพียงเดือนละสองแสนบาทเอง
>>ส่วนรัฐบาลก็ช่วยเหลือเพียงเดือนละหนึ่งแสนบาทเท่านั้น
>>>>เคยโทรไปถามที่วัดเกี่ยวกับสถานะทางการเงิน พนักงานก็บอกว่า รายรับเท่าเดิม
>>แต่ค่าใช้จ่ายเพิ่มขึ้นทุกวัน
>>ค่ายารักษาหรือเพิ่มภูมิต้านทานก็แสนจะแพง แถมผู้ป่วยก็มีแต่จะเพิ่มมากขึ้น
>>ทางวัดจะไม่รับก็ไม่ได้ เนื่องจากมีคนพาผู้บ่วยมาทิ้งไว้ที่หน้าประตูวัดเสมอ
>>ซึ่งพวกเขาก็ไม่มีทางไป
>>ที่วัดก็เมตตาช่วยเหลือแม้กระทั่งคนชราและเด็กที่คนในครอบครัวเสียชีวิตเพราะเอดส์แล้ว
>>ไม่มีใครดูแล>>>>ตอนนี้ ต้องมีการส่งผู้ป่วยที่อาการดีแล้วและพอมีฐานะกลับบ้านบ้างแล้ว
>>และอีกสามเดือนอาจต้องปิดตัวลง!!!!!!
>>หลวงพ่อเองต้องลงมาบิณฑบาตรที่กรุงเทพฯทุกสัปดาห์ ต้องไปหลายที่ต่อหนึ่งวัน
>>เพราะรอคนไปช่วยเหลือถึงวัดไม่ไหว เห็นแล้วก็เหนื่อยแทนจริงๆ
>>>>เมืองไทยมีผู้ติดชื้อเอดส์มากเป็นอันดับสี่ของโลกแล้ว
>>และแนวโน้มก็มีมากขึ้นเรื่อยๆ
>>สวนทางกับอายุของผู้ที่ติดเชื้อเอดส์ซึ่งกลับกลายเป็นว่าอายุน้อยลงทุกที
>>อยากให้พวกเราเข้าใจว่า
>>เรื่องนี้เป็นปัญหาของประเทศชาติและเป็นเรื่องของพวกเราทุกคนที่ต้องช่วยกัน
>>>>พวกเราสามารถช่วยได้หลายรูปแบบ>>ขณะนี้หลวงพ่อท่านมารับบริจาคทุกวันเสาร์
>>ตั้งแต่ 8.30 น. -10.00 น. ที่สวนลุมไนท์บาร์ซาร์
>>ข้างๆอาคารบีอีซี เทโร สามารถบริจาคเป็นเงิน (ดีที่สุด), ยา, ผ้าอ้อม, สำลี,
>>ของอุปโภคบริโภคต่างๆ, หนังสือ, เสื้อผ้า ฯลฯ
>>>>หรือบริจาคผ่านธนาคารให้กับ " กองทุนอาทรประชานาถ "
>>ถ้าสามารถทำเป็นรายเดือนได้จะดีมาก รายละเอียดของเบอร์บัญชีมีดังนี้
>>ธ.กรุงเทพฯ สาขาลพบุรี 289-0-84697-1
>>ธ.ทหารไทย สาขาลพบุรี 304-2-41277-9
>>ธ.กสิกรไทย สาขาถนนสุรสงคราม 174-2-39000-0
>>ธ.ไทยพาณิชย์ สาขาลพบุรี 579-2-33730-7
>>ธ.กรุงศรีอยุธยา สาขาลพบุรี 111-1-47300-7
>>ธ.นครหลวงไทย สาขาลพบุรี 340-2-14976-0
>>ธ.เพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร สาขานางเลิ้ง 000-2-12022-0
>>>>และสุดท้ายที่พวกเราสามารถช่วยได้เดี๋ยวนี้ คือ การบอกต่อถึงเรื่องนี้
>>และช่วยส่งเมล์นี้ไปให้คนที่รู้จักทุกๆคน

Friday, February 02, 2007

บ้านเด็กอ่อนพญาไท ต้องการด่วน

สืบเนื่องจากได้รับ mailฉบับหนึ่งขอความช่วยเหลือสิ่งของบริจาคบ้านเด็กอ่อนพญาไทซึ่งรับเลี้ยงเด็ก ตั้งแต่แรกเกิดถึง 5 ขวบ จำนวน 300 กว่าคนส่วนใหญ่เป็นเด็กที่ถูกทอดทิ้งและมีเด็กที่ติดเชื้อ HIV ประมาณ 40 กว่าคนของที่คนส่วนใหญ่นำมาบริจาคปกติแล้วจะเป็นนมกล่องและนมผงเนื่องจากตอนนี้บ้านเด็กอ่อนพญาไทได้ขึ้นบอร์ดขอความช่วยเหลือว่าต้องการของตามรายการเหล่านี้มากเป็นพิเศษลองดูนะว่าเราสามารถช่วยอะไรได้บ้างตามกำลังทรัพย์ของแต่ละคน
1. ผ้าก๊อส (ทำแผล)2. ผ้าอ้อมกระดาษ(ทุกขนาด)3. ข้าวหอมมะลิ4. สายดูดเสมหะ เบอร์ 8,5. นมผงยี่ห้อเอนฟาแลคนาด , โอแล็ค. อะแลคต้า้6. น้ำเกลือสำหรับทำแผลสด7. ผ้าเช็ดตัวผืนใหญ่8. ยาทาเชื้อราื (ผิวหนัง) ผ้าขนหนู9. แอลกอฮอล์(ทำความสะอาดแผล 70%)10. ผ้าเช็ดหน้าเด็ก11. ถุงมือขนาด S, M12. เสื้อและกางเกงเด็ก 1-3 ขวบ13. Asmasol Solution 20 ml. ( ยาพ่น)14. Prepulsid Susjunsion15. รองเท้า และ ถุงเท้าเด็ก 1-3 ขวบ16. กระดาษชำระะ17. สบู่เด็กหากผู้ใดประสงค์จะบริจาค หรือสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติม ติดต่อบ้านเด็กอ่อนพญาไทริจาค โทร.0-2246-4092หรือส่งพัสดุที่ สถานสงเคราะห์เด็กอ่อนพญาไท264/1 ถนนพระราม 6 แขวงทุ่งพญาไทเขตราชเทวี กทม 10400หรือ โอนเงินเข้าบัญชี ธนาคารไทยพาณิชย์ สาขารามาธิบดีเลขที่ 026-2-28911-5 ชื่อบัญชี มูลนิธิสงเคราะห์เด็กอ่อนพญาไท

Tuesday, January 23, 2007

คติธรรม
















อีกความรู้เกี่ยวกับโภชนาการ

เรียบเรียงโดย มงคล กริชติทายาวุธ ประธานชมรมศาสนาและการกุศล
ด้วยมีสมาชิกชมรมฯ ได้ไปฟังการบรรยายพิเศษของ คุณหมอพันธ์ศักดิ์ ศุกระฤกษ์ เห็นว่าดีมีประโยชน์ จึงสรุปส่งเนื้อหามาให้ผู้เขียนอ่าน ผู้เขียนเห็นว่า น่าจะเป็นประโยชน์แก่ผู้อื่นด้วย ผู้เขียนจึงเรียบเรียงเนื้อหาให้กระชับชัดเจนมากขึ้น ขอเชิญท่านหาความรู้จากบทความเรื่องนี้ได้ครับ
1. ดุลยภาพแห่งชีวิต
คือ ความสมดุลของชีวิต ย่อมมีทั้งชีวิตการงาน ชีวิตส่วนตัว ชีวิตในสังคม ชีวิตครอบครัว และสุขภาพ แต่ที่สำคัญที่สุด คือ สุขภาพ ถ้าสุขภาพเสียทุกสิ่งก็สูญสลาย
2. การแพทย์วิถีธรรมชาติ
อาจารย์หมอพันธ์ศักดิ์ฯ ในอดีตต้องทำงานหนักทั้งงานราชการ คลีนิค และครอบครัว ต้องตื่นตีห้าและเข้านอนห้าทุ่มล่วงเลยไปแล้ว ส่งผลให้เกิดโรคเครียด โรคกระเพาะอาหาร โรคภูมิแพ้ และความจำไม่ดี พออายุ 40 ปี จึงตัดสินใจลาออกจากราชการ แล้วไปเรียนการแพทย์วิถีธรรมชาติจากออสเตรเลีย นับจากนั้นมา อาจารย์หมอพันธ์ศักดิ์ฯ ไม่เคยเจ็บป่วยอีกเลย ปัจจุบันอาจารย์มีความสุขมาก ๆ และหน้าตาดูดีกว่าเมื่อ 10 ปีที่แล้วมาก
3. ทำอย่างไรให้สุขภาพดีไม่เจ็บป่วย
3.1 สุขภาพ คือภาพแห่งความสุข ร่างกายแข็งแรง จิตใจแจ่มใสเบิกบาน อยู่ในสังคมได้อย่างมีความสุข
3.2 อาหาร คือแหล่งพลังงานของชีวิต การรับประทานอาหารที่ทำให้สุขภาพดี ไม่เจ็บป่วยและอายุยืน จะต้อง กินอาหารเช้าอย่างราชา อาหารกลางวันอย่างคนธรรมดาและอาหารเย็นอย่างยาจก ดังนั้น อาหารเช้าจึงเป็นมื้อที่สำคัญที่สุด
3.3 อนุมูลอิสระ (Free radical) การรับประทานอาหารจะเกิดของเสียที่เรียกว่า อนุมูลอิสระหรือเรียกว่าประจุวิ่งหารัก หรือประจุขาดรัก วิ่งไปทั่วร่างกาย อวัยวะที่เล็กที่สุดในร่างกาย คือ เซล
เซลประกอบด้วย ผนังห้อง และแกนกลางเรียกว่า นิวเคลียส หรือ DNA นิวเคลียสเป็นพิมพ์เขียวที่ทำหน้าที่สร้างเซลใหม่ ส่วนอนุมูลอิสระจะเป็นตัวทำลายผนังห้องและนิวเคลียส ทำให้เซลเนื้อเยื่อเปลี่ยนแปลงไป แต่ร่างกายเราจะมีระบบภูมิคุ้มกัน ถ้าไม่ดูแลสุขภาพให้ดีภูมิคุ้มกันจะถูกทำลาย ทำให้เกิดมะเร็งและโรคต่างๆ เกิดขึ้นได้โดยง่าย
3.4 อาหารเช้า ควรรับประทาน คาร์โบไฮเดรท วิตามินบี และซี ถ้าไม่กินมื้อเช้าชีวิตจะเริ่มต้นด้วยความเป็นกรด (แลคติกแอซิค) ยกเว้นเรามียาวิเศษคือ การหัวเราะ เพราะขณะหัวเราะร่างกายจะเปลี่ยนเป็นด่าง หัวเราะ 1 ครั้ง อายุยืน 5 นาที อาหารเช้าที่ต่อต้านความเครียดในการทำงานได้แก่ วิตามินบี และซี ซึ่งไม่มีการเก็บสะสม เพราะละลายในน้ำได้หมด มื้อเช้าที่เร็วและง่าย คือ กล้วยหอม 1 ลูก+ส้ม 1 ลูก + นม 1 กล่อง (หรือ HOT CHOCOLATE) ในกล้วยหอมมีแมกนีเซียม และโปตัสเซียม ในส้มมีวิตามินซี โดยเฉพาะกากส้มขาว ๆ มีเส้นใยไฟเบอร์ชนิดไม่ละลายในน้ำ ที่สามารถช่วยดูดซึมพิษในร่างกายและขับออกไป กากส้มมีวิตามินซีมากกว่าน้ำส้ม ในนมมีสารทริบโตเฟน ทำให้กระปรี้กระเปร่า และ อารมณ์ดี
3.5 อาหารกลางวัน กินอะไรก็ได้ที่ชอบ เช่น แกงเขียวหวาน ขาหมู ก๋วยเตี๋ยว แต่ที่ เป็นอันตราย ต่อสุขภาพ คือ น้ำตาล และน้ำมัน ที่จะต้องพยายามหลีกเลี่ยง
3.6 อาหารเย็น ต้องกินพืชผักและผลไม้ เพื่อให้ได้ไฟเบอร์ ซึ่งเป็นสารต่อต้านอนุมูลอิสระ และชะลอความแก่ มื้อเย็นง่าย ๆ เช่น ผัดผัก 1 จาน + ส้มตำ 1 จาน + น้ำผลไม้ 1 แก้ว กินผักผลไม้วันละ ½ กก. จะทำให้แก่ช้า หรือดื่มน้ำผลไม้สดวันละ 3 แก้ว 3 สี แก้วละสี หรือผสมกันก็ได้ สุขภาพจะดีขึ้นมาก
คาร์โบไฮเดรท ทำหน้าที่ให้พลังงาน มีมากในแป้ง ข้าว ขนมปัง ก๋วยเตี๋ยว วิธีกินคาร์โบไฮเดรทไม่ให้อ้วน คือกินช้า ๆ เคี้ยวให้ละเอียด กินพออิ่ม ที่เหลือเก็บไว้กินในมื้อต่อไป หรือ พยายามกินเพียง 3 ใน 4 ส่วน ที่อยู่ในจาน แล้วหยุดกิน
วิตามินบี มีมากในธัญญพืช ลูกเดือย ข้าวกล้อง ถั่วเหลือง ถั่วแดง เต้าหู้
โปรตีน มีมากในเนื้อสัตว์ อายุเกิน 35 รับประทานโปรตีนพอประมาณ ถ้ามากจะทำให้ดูดซึมแคลเซียมไม่ดี เกิดโรคกระดูกผุ สัตว์ใหญ่ก่อนตายจะหลั่งสารแอดรีนาลิน (สารทุกข์) ผสมเข้าไปในกระแสเลือด จึงไม่ควรกินเลือดสัตว์อย่างยิ่ง อันตรายยิ่งนัก ให้เปลี่ยนไปกินปลาแทน เพราะย่อยง่ายและมีไขมันชั้นดี ทำให้การไหลเวียนของเลือดดี ป้องกันโรคหัวใจและสมองขาดเลือด แก้มปลามีแคลเซียมมากกว่าส่วนอื่น ควรกินปลาสัปดาห์ละ 3 มื้อ ก็เพียงพอแล้วอย่ากินทุกมื้อ เพราะจะทำให้เลือดออกไม่หยุด ชาวเอสกิโมโดนมีดบาดเลือดจะออกไม่หยุดเพราะกินปลาทุกมื้อ หญิงตั้งครรภ์ไม่ควรกิน Fish oil เพราะอาจทำให้ตกเลือด
แคลเซียม ในวัยทองต้องการแคลเซียมวันละ 1200-1500 มก. และควรกินปลาเล็กปลาน้อยเพื่อให้ได้แคลเซียมเพียงพอ
ผักขมฝรั่ง (spinach) มีธาตุสังกะสี เหล็ก และสารต่อต้านอนุมูลอิสระ ต้นไม้ที่มีเปลือกจะมีสารต่อต้านสิ่งแวดล้อมภายนอก เพราะต้นไม้อยู่กับที่ วิ่งหนีมลพิษไม่ได้ จึงมีเปลือกเพื่อป้องกันมลพิษ
น้ำตาล ต้องไม่ขัดสี เช่นน้ำตาลทรายแดง และน้ำตาลกรวด น้ำตาลทรายขาวมีสารขัดขาวซึ่งเป็นสารเร่งความเครียด ทำให้เครียดง่าย และเป็นอันตรายต่อสุขภาพ น้ำตาลเทียมดีกว่าน้ำตาลขัดสี แต่รสชาดไม่ดีเท่านั้น
ความจำเป็นในการกินอาหารให้ครบทั้ง 3 มื้อ
ถ้าวัยหนุ่มสาว ควรกินให้ครบ 3 มื้อ แต่ถ้าวัย 35 ขึ้นไป และวัยทอง ควรมีอาหารว่าง (snack) ที่ให้พลังงานไม่มากเป็นมื้อที่ 4 กินหลายมื้อได้ แต่ครั้งละ น้อย ๆ และเลือกอาหารที่ย่อยง่าย ข้อควรคำนึงคือ
กินอย่างอารมณ์ดี เช่นกินกับคนที่เรารัก กินช้าๆ เคี้ยวให้ละเอียดนึกถึงแต่ความสุข ถ้ากินมื้อละ15 นาที 3 มื้อ ก็เท่ากับเรามีความสุข 45 นาทีแล้ว และกินอย่างมีน้ำใจ นึกถึงชาวนาอย่ากินทิ้งกินขว้าง กินพอประมาณ อิ่มแล้วเลิก หรือจวนอิ่มแล้วหยุด
วิธีดื่มกาแฟ
- ต้องไม่ใช้ครีมเทียม เพราะครีมเทียมคือน้ำมันมะพร้าว ทำให้มันจุกอกตาย กาแฟ 3 อิน 1 ไม่ดี เพราะผสมครีมเทียม กาแฟดำมีอะโลม่า ดื่มแล้วอารมณ์ดี การไหลเวียนของเลือดดี
วิธีชงกาแฟ ใส่กาแฟ 1 ช้อนชา เติมนมอุ่น (Low fat) ½ แก้ว และน้ำตาล
วิธีดื่มกาแฟที่ดีที่สุด ต้องไม่ใส่อะไรเลย กาแฟเอสเปรสโซ่ดื่มรวดเดียวหมดจะหวานกว่าจิบทีละนิด ดื่มกาแฟวันละไม่เกิน 3 แก้ว ถ้าเกินจะดึงแคลเซียมจากไต มีอันตรายต่อสุขภาพ
การพักผ่อน หลักการพักผ่อนที่ดี มีหลายแบบ อาทิ
1. หนีความจำเจซ้ำซาก เช่นเที่ยวทุก 1 เดือน หรือเปลี่ยนทรงผมใหม่ มีคำกล่าวว่า เปลี่ยนที่(สถานที่) ได้ห้า เปลี่ยนหน้า (ใบหน้า ,ทรงผม) ได้สิบ อาจทำให้สบายใจมากขึ้น
2. มองโลกในแง่ดี เช่น มีน้ำ ½ แก้ว ต้องมองว่ายังเหลือน้ำอีกตั้ง ½ แก้ว ไม่ใช่น้ำหมดไปแล้วตั้ง ½ แก้ว อีกกรณีคือภรรยาของอาจารย์จะไม่ให้ความสำคัญที่จะต้องทราบว่าในแต่ละวันอาจารย์จะอยู่ที่ไหน ขณะเดียวกันอาจารย์เป็นฝ่ายต้องทราบว่าภรรยาอยู่ที่ไหนเพื่อกลับมาทำหน้าที่เทคแคร์ภรรยา ให้ทัน กรณีนี้ภรรยาจะไม่เกิดความทุกข์กังวลในการสอดส่องสามี ว่า ไปทำอะไรลับหลังภรรยา
3. Second job นอกจากงานหลักเพื่อเลี้ยงชีวิตและครอบครัวแล้ว ควรมีงานรองอย่างที่ 2 ที่เราชอบ ที่เราไม่คิดว่าเป็นงาน แต่ทำแล้วมีความสุข เช่น เขียนหนังสือ สอนหนังสือ หรือบรรยาย
การนอนหลับสนิท จะทำให้เกิดสารเมลาโทนินซึ่งเป็นสาร antioxidant ทำหน้าที่กำจัดของเสียที่เกิดขึ้นในตอนกลางวัน ปัจจุบันเมลาโทนินที่มีขายอยู่จะออกฤทธิ์เพียง 6 นาทีเท่านั้น แต่ร่างกายเราต้องการ 6 ชม. การนอนหลับสนิทได้คุณประโยชน์มากกว่า
การพักผ่อนที่ดีที่สุด บางครั้ง ได้แก่ การอยู่เฉย ๆ อยู่กับตัวเอง อย่าให้งานและสังคมมายุ่งเกี่ยว ทำอะไรก็ได้ที่ไม่ทำให้ใครเดือดร้อน เช่น ดูหนัง ฟังเพลง จิบชา ล่องเรือ ฟิตเนส หรือสปา การออกกำลังกายที่รักที่ชอบ ก็เป็นการพักผ่อนอย่างหนึ่ง
สรุปคำถามคำตอบ
1. นมกับน้ำเต้าหู้อะไรดีกว่ากัน
คนไทยประมาณ 1/3 หรือ 30% ไม่มีสารย่อยสลายนม ถ้าดื่มนมไม่ได้ให้กินโยเกิร์ตแทนเพราะมีประโยชน์โดยเฉพาะผู้หญิง ใช้ทาหน้าทำให้หน้าตึง และมีแลคโตไบซิไลท์ เข้าไปอยู่ในทางเดินอาหารและช่องคลอด ช่วยย่อยและไม่ติดเชื้อราที่ช่องคลอด น้ำเต้าหู้สกัดจากถั่วเหลือง มีฮอร์โมนไฟโตเอสโตรเจน ยับยั้งการเกิดมะเร็งเต้านมและมดลูก แต่น้ำเต้าหู้ไม่มีแคลเซียม ต้องกินเต้าหู้แข็งจึงได้แคลเซียม เต้าหู้ยิ่งแข็งยิ่งมีแคลเซียมสูง
2. แก้วมังกรทำให้เป็นมะเร็งหรือไม่
ไม่น่าจะใช่ ยังไม่เคยอ่านเจอ แก้วมังกรมาจากเวียดนาม มีไฟเบอร์สูง แคลอรี่ต่ำ ควรฟังหูไว้หู อย่าตระหนกเกินกว่าเหตุ วิธีแก้กินแก้วมังกรน้อยลง เพิ่มฝรั่งและแอปเปิ้ลแทน
3. ฮอร์โมนเพศหญิงในวัยทองทำให้เกิดมะเร็งหรือไม่
เป็นเพียงผลงานวิจัยของอเมริกาเท่านั้น โดยทำการทดลองกับกลุ่มหญิงที่เป็นโรคหัวใจ อ้วน และหน้าอกโต ซึ่งมีปัจจัยเสี่ยงต่อการเกิดโรคมะเร็งอยู่แล้ว โดยการให้ฮอร์โมนอยู่ชนิดเดียว ขนาดเดียว เกิน 5 ปี พบว่าปัจจัยเสี่ยงในการเป็นมะเร็งเพิ่มขึ้น 0.25%
4. โยเกิร์ตและสมูทตี้
หลักการของสมูทตี้ คือต้องการไฟเบอร์ไปช่วยดูดพิษ แต่โยเกิร์ตมีแลคโตไบซิไลท์อย่างเดียว ไม่มีไฟเบอร์ วิธีทำง่าย ๆ คือ โยเกิร์ต + น้ำผึ้ง + กล้วยหอม
5. การนอนให้ได้ประโยชน์
ควรนอนก่อน 4 ทุ่ม ในห้องที่ตกแต่งเหมือนโรงแรม mมีม่านติด 2 ชั้น เพื่อป้องกันแสง ควรตื่นเมื่อถึงเวลาตื่นมา ไม่ใช่ตื่นเพราะแสงแดดแยงตา ควรนอนในห้องที่มีความมืด ระบบฮอร์โมนจะทำงานปกติ การนอนในห้องที่มีแสงไฟไม่ดี เพราะฮอร์โมนจะสร้างในความมืดในขณะที่เรานอนหลับสนิท การงีบในตอนบ่ายดีในแง่ จะทำงานมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น
6. ออกกำลังกายตอนไหนดี
เวลาไหนก็ได้ที่เหมาะสมกับเราที่สุด อย่ายึดมั่นถือมั่นแล้วเราจะมีความสุข ตัวเราเองรู้เองออกกำลังกายตอนไหนก็ได้
ออกกำลังกายตอนเช้า ได้แสงแดดตอนเช้า ได้วิตามินดี กระดูกหนาขึ้น อาหารเช้าจะต้านสารอนุมูลอิสระที่เกิดจากการออกกำลังกายได้ พอหายเหนื่อยให้อาบน้ำอุ่นแล้วตามด้วยน้ำเย็น จะทำให้กล้ามเนื้อกระฉับกระเฉง ทำงานได้ดี
ออกกำลังกายตอนเย็น โดยมีอุปกรณ์ เช่น ใช้ไม้พลองประกอบ ทำให้กระดูกแขนไม่บาง ไม่โดนแสงแดด แต่การออกกำลังกายทำให้เกิดอนุมูลอิสระ วิธีแก้คือดื่มน้ำผลไม้สด 1 แก้ว ก่อนและหลังออกกำลังกาย จะต้านอนุมูลอิสระได้ การออกกำลังกายทำให้ร่างกายตื่นตัว จึงควรอาบน้ำเย็นก่อนแล้วตามด้วยน้ำอุ่น จะทำให้กล้ามเนื้อผ่อนคลาย และจะทำให้นอนหลับสบาย
7. น้ำมันประกอบอาหารชนิดไหนดี
น้ำมันมี 2 ชนิด คือชนิดกรดไขมันอิ่มตัว เช่น น้ำมันหมู วัว ไม่ควรกินเพราะไขมันจะไปอุดตามเส้นเลือด และชนิดกรดไขมันไม่อิ่มตัว เช่น น้ำมันมะกอก (ทนความร้อนได้ดีที่สุด) ทานตะวัน ข้าวโพด ฟักทอง ถั่วเหลือง ถ้าอยากให้หอมเมื่อปรุงอาหารเสร็จปิดไฟ แล้วค่อยใสน้ำมันงา เพราะเป็นน้ำมันที่ไหม้ง่าย จะทำให้อาหารมีความหอมมากขึ้น
8. พืชกับนมจากสัตว์อย่างไหนมีธาตุเหล็กมากกว่า
นมจากสัตว์มีธาตุเหล็กมากกว่า นมแพะ นมจามรีดีกว่านมวัวเพราะไขมันน้อยแต่ไม่ค่อยอร่อย นมวัวอร่อยแต่มีไขมันมากที่สุด วิธีแก้ดื่มนมวัวแบบพร่องมันเนยแทน
9. การทำดีท็อกซ์
หลักการคือนำกากอาหารใส่ในลำไส้ เช่น กาแฟ เพื่อทำให้สารพิษออกมา เสียเงินและทรมาน ควรทำดีท็อกซ์แบบชาวบ้านคือ กินมังสวิรัติสัปดาห์ละ 1 วัน อาจารย์จะดีท็อกซ์ทุกวันเสาร์โดยไม่กินเนื้อสัตว์ แต่จะต้มจับฉ่ายใส่เต้าหู้ ฟองเต้าหู้ และเห็ดหลาย ๆ ชนิด ใส่ผักขม คะน้า ไชเท้า กวางตุ้ง ใส่น้ำมันงา และพริกไทยดำ โดยกินให้หมดภายใน 1 วัน
10. กินกาแฟแล้วนอนไม่หลับ
วิธีแก้ คือ กินกาแฟ และนมอุ่น ๆ หรือกินกาแฟ + กล้วยหอม + เนยมาการีน หรือกินกาแฟดีคาเฟอีน(กาแฟที่มีแต่กลิ่นไม่มีสารคาเฟอีน) เพราะเราติดที่กลิ่น
11. นมเย็นกับนมอุ่นอย่างไหนดีกว่ากัน
สารอาหารเท่ากัน แต่นมอุ่นดีกว่า (55 องศา C) เพราะแตกตัวได้ทริบโตเฟน ทำให้อารมณ์ดี นมเย็นจะไม่แตกตัว วิธีอุ่นนม ให้เอาน้ำใส่แก้ว แล้วนำไปเข้าไมโครเวฟจนร้อนแล้วค่อยเอานมใส่
12. ผักผลไม้สดกับน้ำผักผลไม้คั้น
ดีทั้ง 2 อย่าง แต่ถ้าผักผลไม้สดต้องกินเป็นจำนวนมากเป็น กก. ถึงจะได้สารอาหารเพียงพอ แต่ถ้าคั้นเป็นน้ำ ดื่มเป็นแก้วพอไหว
13. อาหารรักษาโรคข้อ
ใช้ เซลารี่ 4 ก้านใหญ่ + แอปเปิ้ลหรือฝรั่ง + แครอท นำมาแยกกากดื่มวันละ 1 แก้ว ทุกวัน จะแก้โรคข้อ เข่าจะไม่เจ็บไม่ปวด หรือนำเซลารี่ไปผัดกับกุ้ง แต่ต้องกินให้ได้ 4 ก้านใหญ่ จึงจะเพียงพอ ดังนั้นนำไปแยกกากดีกว่า เซลารี่จะมีสรรพคุณแก้ปวดบวม แอปเปิ้ลหรือฝรั่งมีวิตามีซีช่วยเรื่องน้ำในข้อ ส่วนแครอทช่วยในเรื่องเยื่อเมือก
14. น้ำผลไม้แบบกล่อง
แทบจะไม่ได้สารอาหาร นอกจากกลูโคส ควรคั้น (แยกกาก) เองสด ๆ ดีที่สุด แล้วดื่มทันทีจะได้คุณค่ามาก หากต้องการดื่มแบบเย็น ให้นำน้ำแข็งใส่กาละมัง ใส่น้ำ แล้วนำผลไม้ลงไปล้างแล้วค่อยมาคั้น หรือนำแก้วเปล่าและผลไม้ไปแช่เย็นก่อนนำมาคั้นก็ได้
15. วิธีทานกล้วยหอมไม่ให้ลมขึ้น
ให้กินกล้วยห่าม ๆ จะไม่หวานและได้คาร์โบไฮเดรท ถ้าดิบหรือสุกเกินไปจะได้แต่น้ำตาล
16. การปั่นกับการแยกกาก (คั้น)
การปั่น เป็นการตีให้แตก จะทำให้สารอนุมูลอิสระออกมา ไม่ดี แต่การแยกกาก เป็นการแยกน้ำและแยกกากออกจากัน ได้คุณค่ามากกว่า แต่การแยกกากจะไม่ได้ไฟเบอร์ ถ้าต้องการไฟเบอร์ให้ตักกากมากินก็ได้ หรือ เอากากมาปั้นเป็นก้อนกินชดเชยได้
17. น้ำโซดาล้างท้องได้หรือไม่
โซดาเป็นน้ำด่าง มีข้อดีคือ ถ้าในท้องมีกรดมาก โซดาจะทำให้เกิดความสมดุลและสบายท้อง แต่ถ้าท้องมีแก๊ส โซดาจะทำให้ท้องอืด ถ้ากินแล้วสบายดีก็กินต่อไปได้
18. อาหารที่กินแล้วผมไม่หงอก
ไม่มี ถ้าอยากหายต้องใส่วิก ผมหงอกเกิดจากกรรมพันธุ์ และความเครียด อาหารและแร่ธาตุที่ช่วยให้ผมหงอกช้า ได้แก่ วิตามินบี และซี สังกะสี (zinc) แต่ควรกิน zinc อะมิโน ครีเรท อย่ากินzinc ซัลเฟรด เพราะกัดกระเพาะ หรือกินอาหารเสริม เช่น เซ็นทรัม แบลคมอร์ จะช่วยให้เส้นผมดำขึ้น
19. การย้อมผมกับมะเร็ง
การย้อมผมทำให้บุคลิกดีขึ้นมีความสุข เลือกใช้ยาย้อมผมที่ไม่มีสารโลหะหนักผสม เช่น ตะกั่ว ถ้าไม่มีสารตะกั่วก็ไม่เป็นไร เวลาย้อมให้ปิดตาและจมูกให้ดี อาจใช้แบบสเปรย์ก็ได้
20. ประโยชน์ของน้ำสมุนไพร (HERB)
คือ พืชผักผลไม้ จึงมีคุณค่าทางยาแล้วแต่ชนิด เช่น เครนเบอรี่ หรือ กระเจี๊ยบ จะมีสรรพคุณทางยาช่วยเรื่องการอักเสบในกระเพาะปัสสาวะ หรือนิ่วในไต เป็นต้น
21. ตำราอาหารสำหรับผู้ชาย
กินกล้วย + น้ำผึ้ง + พริกไทยดำ จะทำให้หลับสบาย ถ่ายสะดวก วิธีทำ ใช้กล้วยน้ำว้าหรือกล้วยหักมุกผึ่งแดดเดียวแล้วโรยน้ำผึ้งและพริกไทยดำ รับประทานบ่อยๆ สุขภาพจะดี