Thursday, November 09, 2006

ROSE : Good Story

>วันแรกที่พวกเราเริ่มการเรียนในมหาวิทยาลัยนั้น
>
>อาจารย์ของเราได้เข้ามาแนะนำตัว
>
>และบอกให้พวกเราทำความรู้จักกับคนอื่นๆ ที่เราไม่รู้จักมาก่อน
>
>ผมยืนขึ้นแล้วมองไปรอบๆ และมีมือๆ หนึ่ง เอื้อมมาจับบ่าของผม
>
>ผมหันไปพบกับหญิงชราร่างเล็ก ผิวหนังเหี่ยวย่น
>ที่ส่งรอยยิ้มอันเป็นประกายมาให้ผม
>
>รอยยิ้มนั้นทำให้เธอดูสดใสอย่างยิ่ง
>
>
>
>หญิงชราคนนั้นกล่าวขึ้นว่า
>
>“สวัสดี รูปหล่อ ฉันชื่อโรส อายุแปดสิบเจ็ดแล้ว มาให้ฉันกอดสักทีสิ”
>
>
>
>ผมหัวเราะกับท่าทางของเธอ และตอบอย่างร่าเริงว่า
>
>“แน่นอน ได้สิครับ ” แล้วเธอก็กอดผมอย่างแรง ผมถามเธอว่า
>
>“ทำไมคุณถึงมาเรียนมหาวิทยาลัย
>เอาตอนที่อายุน้อยและไร้เดียงสาอย่างนี้ละ.. ”
>
>
>
>เธอตอบด้วยเสียงปนหัวเราะว่า “ฉันมาหาสามีรวยๆ ที่ฉันจะได้แต่งงานด้วย
>แล้วมีลูกสักสองสามคน... ”
>
>ผมขัดจังหวะเธอ โดยถามว่า “ไม่เอาครับ.. ถามจริงๆ ” ผมสงสัยจริงๆ ว่า
>อะไรทำให้เธอมาเรียนที่นี่ตอนที่อายุขนาดนี้ และเธอตอบว่า
>
>“ฉันฝันมานานแล้ว ว่าฉันจะได้ปริญญา และตอนนี้
>ฉันก็กำลังจะได้ปริญญาที่ฉันฝัน”
>
>หลังเลิกเรียนวิชานั้น เราเดินไปที่อาคารสโมสรนักศึกษาด้วยกัน
>และนั่งกินชอคโกแลตปั่นด้วยกัน เรากลายเป็นเพื่อนกันในทันที
>
>ตลอดสามเดือนหลังจากนั้น เราจะออกจากชั้นเรียนพร้อมกัน
>และจะไปนั่งคุยกันไม่หยุด ผมนั้นประหลาดใจเสมอเมื่อได้ฟัง “ยานเวลา"
>ลำนี้
>
>แบ่งปันความรู้ และประสบการณ์ของเธอให้กับผม
>
>
>
>ตลอดปีนั้น โรสได้กลายเป็นสัญลักษณ์ของมหาวิทยาลัยของเรา
>และเธอนั้นจะเป็นเพื่อนได้กับทุกคนในทุกที่ที่เธอไป
>เธอรักที่จะแต่งตัวดีๆ
>
>และดื่มด่ำอยู่กับความสนใจ ที่นักศึกษาคนอื่นๆ มีให้กับเธอ
>เธอได้ใช้ชีวิตอย่างเต็มที่
>
>เมื่อถึงตอนสิ้นสุดภาคการศึกษา
>เราได้เชิญโรสให้มาพูดที่งานเลี้ยงของทีมฟุตบอลของเรา
>
>ผมไม่เคยลืมเลยว่า เธอได้สอนอะไรให้กับเรา ... พิธีกรแนะนำตัวเธอ
>และเธอก็เดินขึ้นมาที่แท่น
>
>
>
>ตอนที่เธอกำลังเตรียมตัวที่จะพูดตามที่เธอตั้งใจนั้น
>
>เธอทำการ์ดที่บันทึกเรื่องที่เธอจะพูดตกพื้น เธอทั้งอาย ทั้งประหม่า
>
>แต่เธอโน้มตัวเข้าหาไมโครโฟนแล้วบอกว่า
>
>“ขอโทษด้วยนะ ที่ฉันซุ่มซ่าม ฉันเลิกกินเบียร์มาตั้งนานแล้ว
>
>แต่วิสกี้พวกนี้มันแรงจริงๆ... ฉันคงจะเอาบทของฉัน
>
>มาเรียงใหม่ไม่ทันแล้วงั้นฉันก็คงได้แค่บอกเรื่องที่ฉันรู้ให้กับพวกคุณก็แล้วกัน”
>
>
>
>พวกเราทุกคนหัวเราะกันท้องคัดท้องแข็ง ตอนที่เธอเริ่มต้นว่า
>
>“พวกเราทุกคนนั้น ไม่ได้หยุดเล่นเพราะเราแก่หรอก
>แต่เราแก่เพราะว่าเราหยุดเล่น
>
>ที่จริงแล้วมีเคล็ดลับสู่การที่จะยังหนุ่มสาวอยู่เสมอมีความสุข
>
>และประสบความสำเร็จอยู่ 4 ประการ
>
>1) พวกคุณจะต้องหัวเราะ และมีเรื่องสนุกๆ ขำขันทุกวัน
>
>2) พวกคุณจะต้องมีความฝัน เมื่อไรก็ตามที่คุณสูญเสีย ความฝันของคุณไป
>คุณจะตาย มีคนมากมายที่ยังเดินไป เดินมาอยู่ทั้งๆ
>
>ที่ตายไปแล้วและไม่รู้ตัวด้วยซ้ำว่าตายไปแล้ว..
>
>3) การที่คุณ “แก่ขึ้น” กับ “เติบโตขึ้น” นั้นมันต่างกันมาก
>ถ้าคุณอายุสิบเก้า แล้วนอนอยู่บนเตียงเฉยๆ ปีหนึ่ง
>
>และไม่ทำอะไรเป็นชิ้นเป็นอันเลย ตลอดทั้งปี คุณก็จะอายุยี่สิบ
>
>ถ้าฉันอายุแปดสิบเจ็ด แล้วนอนเฉยๆ ไม่ทำอะไรเลยตลอดทั้งปี ฉันก็จะอายุ
>
>แปดสิบแปด ทุกๆ คนนั้นจะแก่ขึ้น ทั้งนั้น
>
>ไม่จำเป็นต้องอาศัยความสามารถอะไรเลย
>
>ประเด็นของการ เติบโตขึ้น นั้นอยู่ที่การแสวงหาโอกาสในการเปลี่ยนแปลง
>
>4) อย่าทิ้งอะไรไว้ให้เสียใจภายหลัง คนสูงอายุส่วนใหญ่นั้น
>ไม่เสียใจกับสิ่งที่ได้ทำลงไปแล้ว แต่มักจะเสียใจกับสิ่งที่ยังไม่ได้ทำ
>
>คนที่กลัวความตายนั้น มีแต่คนที่ยังมีสิ่งทีต้องเสียใจค้างอยู่ "
>
>
>
>เธอจบการพูดของ เธอด้วยการร้องเพลง “The Rose” อย่างกล้าหาญ
>
>และเธอได้แนะให้พวกเราทุกคนศึกษาเนื้อร้องของเพลงนั้นและเอาความหมายเหล่านั้นมา
>ใช้กับชีวิตประจำวันของพวกเรา
>
>
>
>เมื่อสิ้นปีการศึกษานั้น
>โรสได้รับปริญญาที่เธอได้เริ่มฝันไว้เมื่อนานมาแล้ว
>
>
>
>หนึ่งสัปดาห์หลังจบการศึกษา โรสจากไปอย่างสงบ
>
>เธอนอนหลับไปและไม่ตื่นขึ้นอีกเลย
>
>
>
>นักศึกษากว่าสองพันคนไปร่วมพิธีศพของเธอ เพื่อแสดงความเคารพ
>ต่อหญิงชราผู้วิเศษ
>
>
>
>ผู้ได้สอนให้พวกเขาได้รู้ ด้วยการทำให้เห็นเป็นตัวอย่างว่า
>.......ไม่มีคำว่าสายเกินไป ที่จะเป็นทุกสิ่งที่คุณสามารถเป็นได้
>
>
>
>เมื่อคุณอ่านเรื่องนี้จบลง กรุณาส่ง
>คำแนะนำอันดีเยี่ยมนี้ต่อให้กับเพื่อนและครอบครัวของคุณ
>พวกเขาคงจะชอบมัน
>
>
>
>เรื่องราวเหล่านี้ส่งต่อกันมาเพื่อระลึกถึงหญิงชราที่ชื่อ โรส
>
>
>
>จงจำไว้ว่า
>
>
>
>"การแก่ขึ้นนั้น เป็นสิ่งที่หลีกเลี่ยงไม่ได้
>
>แต่การเติบโตขึ้นนั้นเป็นสิ่งที่เราเลือกได้
>
>เราอยู่ได้ด้วยสิ่งที่เราได้รับ
>แต่เราจะมีชีวิตอยู่เพราะสิ่งที่เราให้ไป"
>

No comments: