Saturday, November 11, 2006

USD 20 Worth of Time 20 เหรียญดอลลาร์กับคุณค่าของเวลา

A man came home from work late, tired and irritated, to find his 5-year old son waiting for him at the door.
ผู้เป็นพ่อกลับมาบ้านในตอนดึก, เหนื่อยและหงุดหงิด พบลูกชายอายุ 5 ขวบ นั่งรออยู่ที่ประตู
“Daddy, may I ask you a question?”
“พ่อครับ ผมขอถามอะไรหน่อยได้ไหม?
“Yes sure, what is it?” replied the man
ได้สิลูก มีอะไรหรือ? ผู้เป็นพ่อตอบ
“Daddy, how much do you make an hour?”
พ่อครับ พ่อทำงานได้ชั่วโมงละเท่าไร?
“that’s none of your business, why do you ask such a thing?” the man said angrily.
มันไม่ใช่เรื่องอะไรของเราซะหน่อย ถามทำไม? ผู้ชายตอบด้วยน้ำเสียงที่รู้สึกโกรธ
“I just want to know, please tell me, how much do you make an hour?” pleaded the little boy.
ผมแค่อยากจะรู้ กรุณาบอกด้วยครับว่าพ่อทำงานได้ชั่วโมงละเท่าไร?
เด็กผู้ชายอ้อนวอน
“if you must know, I make $20 an hour”
ถ้าลูกต้องการที่จะรู้ให้ได้ พ่อจะบอกให้ พ่อทำงานได้ชั่วโมงละ 20 เหรียญดอลลาร์
“Oh,” the little boy replied, with his head down, looking up, he said,
เด็กผู้ชายพยักหน้าและบอกพ่อว่า
“dad, may I please borrow $10?”
พ่อครับ งั้นผมของยืมเงินพ่อ 10 เหรียญเหรียญดอลลาร์ ได้ไหม?
The father was furious, ผู้เป็นพ่อโกรธเป็นฟืนเป็นไฟ
“if the only reason you asked that is so you can borrow some money to buy a sill toy or some other nonsense, then you march yourself straight to your room and go to bed, think about why you are being so selfish.”
“ถ้านี่เป็นเหตุผลเดียวที่ลูกขอพ่อ เพื่อที่เอาไปซื้อของเล่นที่ไร้สาระนั่นละก็ กลับไปที่ห้องลูก และคิดว่าทำไมถึงเป็นคนที่เห็นแก่ตัวแบบนี้”
“I work long hard hours everyday and don’t have time for such this childish behavior.”
“พ่อทำงานหนักมาตลอดทั้งวัน และไม่มีเวลาที่จะมาเล่นแบบเด็กๆแบบนี้”

The little boy quietly went to his room and shut the door.
เด็กผู้ชายเดินกลับเข้าห้องของตนและปิดประตูอย่างเงียบๆ
The man sat down and started to get even angrier about the little boy’s questions.
ผู้เป็นพ่อนั่งลงและเริ่มโกรธเมื่อนึกถึงคำถามที่ลูกชายเพิ่งถามไป
How dare he ask such questions only to get some money? ลูกกล้าดียังไงมาถามพ่อ เพื่อที่จะขอเงินแบบนี้?
After about an hour or so, the had calmed down, and started to think hey may have been a little hard on his son.
เวลาผ่านไป ผู้เป็นพ่อเริ่มสงบลงและเริ่มที่จะคิดได้ว่าสิ่งที่เค้าทำไว้กับลูกอาจจะเป็นการกระทำที่รุนแรงเกินไป
Maybe there was something he really needed to buy with that $10 and he really didn’t ask for money very often.
บางทีอาจจะมีของจำเป็นที่ลูกต้องการที่จะซื้อด้วยเงิน10 เหรียญดอลลาร์นั่นก็ได้ และลูกก็ไม่ได้ขอบ่อยๆ

The man went to the door of the little boy’s room and opened the door. ผู้เป็นพ่อเดินไปที่ห้องของลูกชายและเปิดประตู
“are you asleep, son?” he asked.
“ลูกหลับอยู่รึเปล่า? ผู้เป็นพ่อถาม
“no daddy, I’m awake” replied the boy.
“ผมยังไม่หลับครับพ่อ” เด็กชายตอบ
“I’ve been thinking, maybe I was too hard on you earlier,” said the man.
“พ่อมาคิดๆดูแล้ว สิ่งที่พ่อทำกับลูกอาจจะรุนแรงเกินไป” ผู้เป็นพ่อตอบ
“It’s been a long day and I took out my aggravation on you. Here’s the $10 you asked for.” “มันเป็นวันที่ยาวนานมากและพ่อก็เอาความโกรธมาลงกับลูก นี่ 10 เหรียญดอลลาร์ที่ลูกต้องการ”
The little boy sat straight up, smiling. “Oh, thank you daddy!” he yelled. เด็กผู้ชายนั่งตัวตรงและยิ้ม “ขอบคุณครับพ่อ” เด็กผู้ชายร้องตะโกนด้วยความดีใจ
Then, reaching under his pillow he pulled out some crumpled up bills. และเอื้อมมือไปใต้หมอนเพื่อดึงธนบัตรที่ยับยู่ยี่ออกมา
The man, seeing that the boy already had money, started to get angry again. ผู้เป็นพ่อเห็นว่าลูกชายมีเงินแล้ว จึงเริ่มฉุนเฉียวอีกครั้ง
The little boy slowly counted out his money, then looked up at his father. เด็กผู้ชายเริ่มนับเงินที่เค้ามีอย่างช้าๆ และมองพ่อของเขา
“Why do you want more money if you already have some?” the father grumble. “ทำไมลูกยังต้องการเงินอีก ในเมื่อลูกมีแล้ว” ผู้เป็นพ่อบ่นด้วยความไม่พอใจ
because I didn’t have enough, but now I do,” the little boy replied.
“เพราะว่าผมไม่มีเงินพอ แต่ตอนนี้ผมมี” เด็กผู้ชายกล่าว
“daddy, I have $20 now, can I buy an hour of your time? Please come home early tomorrow, I would like to have dinner with you.”
“พ่อครับ, ตอนนี้ผมมี 20 เหรียญดอลลาร์ ผมขอซื้อเวลาของพ่อได้ไหม? กรุณากลับบ้านเร็วๆ พรุ่งนี้ ผมต้องการที่จะทานข้าวเย็นกับพ่อครับ”

Share this story with someone you like…..but even better, share $20 worth of time with someone you love.
แบ่งปันเรื่องราวนี้ให้กับคนที่ท่านชอบ.....แต่จะดีที่สุดก็คือการแบ่งเวลาที่มีค่าถึง 20 เหรียญดอลลาร์ให้กับคนที่ท่านรัก

No comments: